เจ้าชายซาอุฯ เมินเสียงวิจารณ์ ใช้กีฬาฟอกขาวภาพลักษณ์ : PPTVHD36
เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการลงทุนด้านกีฬาของซาอุดีอาระเบียเป็นเพียงความพยายามฟอกขาวภาพลักษ์ของประเทศที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียได้กลายเป็นประเด็นพูดถึงอย่างมากในด้านลงทุนในธุรกิจกีฬา โดยเฉพาะการนำนักฟุตบอลชื่อดังมาเล่นให้ลีกอาชีพภายในประเทศ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการลงทุนด้านกีฬาของซาอุดีอาระเบียเป็นเพียงความพยายามฟอกขาวภาพลักษ์ของประเทศที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
แต่ เจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชการแห่งซาอุดีอาระเบียยืนยันว่านโยบายนี้จะดำเนินต่อไป เนื่องจากเชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ
“ลิเวอร์พูล” ยันไม่ขาย “ซาล่าห์” ไปซาอุฯ ตลาดหน้าหนาว
เนย์มาร์ ขึ้นทำเนียบผู้เล่นค่าตัวแพงสุด ที่ย้ายมาค้าแข้งซาอุดีโปรลีก
“เนย์มาร์” บอก ลีกซาอุฯ อาจดีกว่า “ลีก เอิง”
มกุฎราชการแห่งซาอุดีอาระเบีย ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ “ฟ็อกนิวส์” ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับความรู้สึกต่อข้อกล่าวหาที่ระบุว่าซาอุดีอาระเบียกำลังใช้กีฬาเพื่อฟอกขาวภาพลักษ์ของประเทศ หรือ sportwashing
โดย เจ้าชาย บิน ซัลมาน ระบุว่าพระองค์ไม่สนพระทัยว่าการลงทุนในด้านกีฬาจะเป็นการฟอกขาวภาพลักษ์ของประเทศหรือไม่ เพราะสิ่งสำคัญคือนโยบายนี้การช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเพิ่มได้อีก 1.5 เปอร์เซนต์
พระองค์ยังย้ำว่าการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องพัฒนาอุตสาหกรรมทุกภาคส่วน ทั้งการทำเหมือง ระบบสาธารณูปโภค การผลิต การขนส่ง โลจิสติกส์ รวมทั้งการท่องเที่ยว ที่คลอบคลุมมิติทางด้านวัฒนธรรมและกีฬา ดังนั้นจึงควรมีการกำหนดกรอบเวลาการจัดอีเวนต์ต่างๆตามปฏิทินที่ชัดเจน
โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียได้ยกระดับการลงทุนในธุรกิจกีฬาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะฟุตบอลลีกภายในประเทศ ที่กองทุนเพื่อการลงทุนภาครัฐภายใต้การดูแลของ เจ้าชาย บิน ซัลมาน ได้เข้าไปถือหุ้นของหลายสโมสรและคว้าตัวนักฟุตบอลระดับโลกหลายคนมาค้าแข้ง ทั้งคริสเตียโน โรนัลโด และ เนย์มา
นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวยังจัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพ LIV ก่อนประกาศควบรวมกับการแข่งขันกอล์ฟ PGA ทัวร์ของสหรัฐฯ เมื่อเดือน มิ.ย. ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของซาอุดีอาระเบียที่จะกอบกู้ภาพลักษณ์ของตนเอง
โดยสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่าซาอุดีอาระเบียได้ใช้การควบรวมการแข่งขันกอล์ฟทั้งสองรายการนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศ
ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้วคณะอนุกรรมาธิการด้านการตรวจสอบการทำงานในภาครัฐและกิจการภายในประเทศของวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เปิดการไต่สวนดีลการควบรวมการแข่งขันกอล์ฟทั้ง 2 รายการ โดยผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าดีลนี้ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นความพยายามเข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดของพลเมืองอเมริกันและร่วมกำหนดทิศทางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ