ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ที่กำลังปรับแต่งเพื่อเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบ – OPINION
ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำทัพของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ทำผลงานได้ตามเป้าหมายอีกครั้งหลังเปิดสนาม แอนฟิลด์ ไล่ต้อน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แบบสบายๆ 3-0 ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในเกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล ไม่ต้องออกแรงมากนักในการเก็บชัยชนะเหนือ ฟอเรสต์ และสามารเก็บคลีนชิตได้เพิ่มอีกหนึ่งเกม พร้อมกับรั้งอันดับ 4 เกาะกลุ่มผู้นำต่อไปอย่างเหนียวแน่น โดยมีแต้มห่าง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมจ่าฝูงเพียง 3 คะแนน เท่านั้น
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น มีการคาดหมายกันว่า หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โชต้า และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ จะได้ออกสตาร์ทเป็น 3 ประสานในแดนหน้า โดยมี ดาร์วิน นูนเญซ เพิ่งเล่นเป็นตัวจริงในเกม ยูโรปา ลีก กลางสัปดาห์กับ ตูลูส มาราว 70 นาที เป็นตัวสำรอง
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหลังจากพ่อและแม่ของ ดิอาซ ถูกลักพาตัวที่บ้านเกิดประเทศโคลอมเบีย จึงทำให้ คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนทีมกะทันหันโดยให้ โชต้า, ซาล่าห์ และ นูนเญซ ได้ลงเล่นพร้อมกัน
แน่นอนว่า ทั้ง 3 คน ก็ไม่ทำให้ คล็อปป์ ต้องผิดหวังหลังมีชื่อเป็นผู้ทำประตูคนละ 1 ลูก และมีส่วนกับเกมรุกตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นูนเญซ ที่ดูเหมือนจะเริ่มปรับตัวกับทีมได้แล้ว และโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง
หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย วัย 24 ปี ใช้ความเร็ว พละกำลัง และความแข็งแกร่งปั่นป่วนแนวรับ ฟอเรสต์ ได้ตลอด และยังขยับถอยต่ำมากลางสนามเพื่อช่วยสร้างสรรค์เกมรุกกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆอีกด้วย โดยฤดูกาลนี้ นูนเญซ ซัดไปแล้ว 6 ประตู 5 แอสซิสต์ จาก 13 เกมรวมทุกรายการ
ขณะเดียวกัน ในแผงกองกลางนักเตะใหม่อย่าง โดมินิก โซบอสซ์ไล ก็กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมไปแล้ว และในเกมกับ ฟอเรสต์ ดาวเตะวัย 23 ปี ก็ได้รับรางวัล “แมน ออฟ เดอ แมทช์” หลังจากแอสซิสต์ได้ 2 ครั้ง ให้กับ นูนเญซ และ ซาล่าห์
โซบอสซ์ไล ซึ่งรับบทกองกลางฝั่งขวา นั้น มีศักยภาพรอบด้านทั้งพลังงาน ความฟิต ความแข็งแกร่ง ความเร็ว ความเข้าใจเกม และวิสัยทัศน์ในการเล่น รวมทั้งยังประสานงานกับ ซาลาห์ และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้อย่างยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ในมือ คล็อปป์ ยังคงห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่ผลงาน และฟอร์มการเล่นในภาพรวมตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาล 2023-2024 นั้น ก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ และดูเหมือนว่า พลพรรค “หงส์แดง” ชุดนี้อยู่ระหวางปรับปรุงให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
การเก็บชัยชนะ 4 เกม เสมอ 1 เกม นับตั้งแต่บุกไปพ่ายให้กับ สเปอร์ส แบบหวุดหวิด 2-1 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ และเชื่อได้ว่า สาวก “เดอะ ค็อป” หลายคนคาดหวังว่า ลิเวอร์พูล จะรักษาผลงานที่คงเส้นคงวาแบบนี้ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงพักเบรกทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน
ในตอนนี้ คล็อปป์ จะได้ผู้เล่นอย่าง เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวอังกฤษ พ้นโทษแบนกลับมาให้ใช้งาน ขณะที่ โคดี้ กักโป หัวหอกชาวดัตช์ ก็เริ่มจะฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกในแดนหน้าแล้ว ส่วนผู้เล่นในแนวรับอย่าง โจ โกเมซ, โจเอล มาติป, อิบราฮิมา โกนาเต้ และ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
ลิเวอร์พูล ตามหลัง สเปอร์ส เพียงแค่ 3 คะแนน เท่านั้น ดังนั้นชั่วเวลาเพียงเกมเดียวก็อาจมีสถานการณ์ที่พลิกผันทำให้ทีมของ คล็อปป์ ก้าวไปอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงได้เช่นกัน และอาจทำให้แฟนบอล “หงส์แดง” ได้ลุ้นแชมป์กันไปจนท้ายซีซัน