รายงานการแข่งขัน: เบิร์นลี่ย์ 1-4 เชลซี | ข่าว | เว็บไซต์ทางการ

0



ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จุดประกายช่วยให้เชลซีพลิกกลับมาคว้าชัยชนะอย่างมีสไตล์ โดยเขามีส่วนร่วมกับทั้ง 4 ประตู พาพวกเราถล่มเบิร์นลี่ย์ในครึ่งหลัง ทำให้เดอะ บลูส์ เก็บชัย 3 นัดรวด

นาทีต่อนาที – ครึ่งแรก

1 – คิกออฟ… เชลซีเป็นฝ่ายได้เขี่ยลูกเริ่มเกมก่อน โดยจะบุกจากขวาไปซ้าย

7 – ดิซาซี่ลองวางบอลยาวขึ้นแดนบน สเตอร์ลิ่งพยายามจะจับบอลติดเท้า ทว่ากะน้ำหนักล้น ที่สุดแล้วลูกไปเข้ามือทรัฟฟอร์ด

8 – พาลเมอร์ลองพลิกยิงด้วยซ้ายข้างถนัดระยะ 25 หลา บอลยังไม่เข้ากรอบ

10 – ราฮีมพยายามจะลากเลี้ยงบอลหนีตัวประกบในกรอบเขตโทษ และเป็นเทรเซอร์ที่ตามประกบไม่ห่าง ดักทางบอลได้

13 – ผ่านช่วงสิบนาทีแรกของเกม เป็นเชลซีที่ครองบอลบุกกดดันได้เหนือกว่าเจ้าบ้าน เรามีอัตราการครองบอลเหนือกว่าถึงร้อยละ 71 ต่อ 29

14 – เฉี่ยวเสา! สเตอร์ลิ่งตัดบอลเข้าในหลบวิตินโญ่ ก่อนลองปั่นด้วยขวาบอลหลุดเสาสอง

15 – เบิร์นลี่ย์ขยับนำ 1-0 จากจังหวะสวนกลับของเจ้าบ้าน และเป็นโอโดแบร์ยิงบอลลอดขาคูคูเรญ่าผ่านมือซานเชซเข้าไป

20 – สเตอร์ลิ่งพยายามจะผ่านบอลให้คูคูเรญ่าที่เติมขึ้นมาลุ้นบุกแถวเสาสอง เทย์เลอร์ แนวรับเจ้าบ้านอ่านทางถูก เตะสาดทิ้ง

26 – สเตอร์ลิ่งกะหยอดบอลเข้าจุดนัดพบให้พาลเมอร์ได้จบจ่อ ๆ แต่บอลยังแรงไปเข้ามือผู้รักษาประตู

27 – คูคูเรญ่าเข้าบอลอันตรายใส่คู่แข่งอย่างโอโดแบร์ รับใบเหลืองเป็นคนแรก และจากนั้นเอนโซมาประท้วงคำตัดสิน นำมาซึ่งการรับใบเหลืองไปอีกคน

30 – คัลเลนทั้งเหนี่ยวทั้งดึงสเตอร์ลิ่งไม่ให้ทำเกมบุก ผลคือรับใบเหลือง

31 – กัลลาเกอร์เปิดบอลลึกเข้าเสาสองที่มีเอนโซรออยู่ แต่จังหวะที่แข้งเบอร์ 8 เชลซีจะง้างหวด เป็นคัลเลนที่ตามมาสกัด

35 – เป็นอีกครั้งที่เชลซีได้ลุ้นระยะจ่อ ๆ คราวนี้สเตอร์ลิ่งเกือบได้จิ้มระยะประชิด ทว่าการที่มีกองหลังเจ้าบ้านตามพัวพันหลายคน ที่สุดแล้วก็พลาดโอกาสไป

37 – สเตอร์ลิ่งเลี้ยงบอลหลบวิตินโญ่แล้วกดเรียดด้วยซ้าย ทรัฟฟอร์ดหุบขาปิดมุมได้ทันควัน

40 – คูคูเรญ่าวางเท้าเปิดบอลเข้ากลางประตูเกือบถึงราฮีม จังหวะนี้มีวิตินโญ่โหม่งดักออกหลังไป

42 – Goal! เชลซีตีเสมอเป็น 1-1 จากการทำเข้าประตูตัวเองของอัล-ดาคิล ที่สกัดบอลไม่ดี ลูกเปลี่ยนทางเข้าไป

45+2 – ใบเหลืองที่สามของเชลซี เมื่อธิอาโก้ ซิลวาเบรกดักคู่แข่ง ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้ทันที

จบครึ่งแรก เบิร์นลี่ย์ 1-1 เชลซี

นาทีต่อนาที – ครึ่งหลัง

45 – เริ่มครึ่งหลังทั้งสองทีมมีรายงานการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเชลซีส่งแจ็คสัน แทนที่ โบรย่า ส่วนเบิร์นลี่ย์ส่งโอเชีย แทนที่ อัล-ดาคิล 

48 – เชลซีได้จุดโทษ! สเตอร์ลิ่งพยายามกระชากหาพื้นที่ทำเกมบุก และเป็นวิตินโญ่ที่เตะในกรอบเขตโทษพอดี ที่สุดแล้วมี VAR มาช่วยยืนยันด้วยอีกทาง

50 – Goal! เชลซีพลิกแซง 2-1 เมื่อโคล พาลเมอร์ สังหารเรียดไปทางขวามือตัวเอง ทรัฟฟอร์ดพุ่งไปคนละทาง

54 – เดอะ คราเร็ตส์พยายามทำเกมขึ้นมาทางฝั่งขวา วิตินโญ่พยายามจะเล่นชิ่งจ่ายคืนให้ฟอสเตอร์ แต่คนที่ทำได้ดีกว่าคือธิอาโก้ ซิลวา ดักสาดอยู่หมัด

54 – เจ้าบ้านมาต่อ… โอโดแบร์ลากบอลจากฝั่งซ้ายตัดเข้าใน ก่อนปั่นด้วยขวาทำเอาร็อบ ซานเชซ ต้องปัดทิ้งออกหลัง

58 – เอนโซสร้างโอกาสจบด้วยเท้าขวา บอลน้ำหนักเบาไปเข้ามือผู้รักษาประตู

65 – Goal! สกอร์หนี 3-1 จากราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดยเป็นจังหวะที่เจ้าบ้านเสียบอลกลางทาง และกัลลาเกอร์ที่แทงออกซ้ายให้แข้งเบอร์ 7 กดด้วยซ้ายบอลพุ่งเข้าไปแบบมั่นใจ

73 – ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้ไคเซโด้ โดยมองว่ามิดฟิลด์เบอร์ 25 ไปเตะบอลทิ้งเพื่อดึงเวลา

75 – เชลซี หนี 4-1 จากแจ็คสัน โดยกองหน้าเซเนกัล โชว์ความนิ่งดึงบอลหลบกองหลังเจ้าบ้านเพื่อเข้าเท้าซ้าย ก่อนจะอัดเน้น ๆ เข้าไปแบบมั่นใจ

78 – โอโดแบร์วางเท้าวอลเล่ย์เต็มข้อแถวกรอบเขตโทษ ไคเซโด้ยืนถูกที่ถูกเวลากลายเป็นดักช็อตนี้ได้

79 – เบิร์นลี่ย์ได้ลุ้นจากฟรีคิก… บรุนน์ ลาร์เซ่นสำรองที่ลงมาแทนโอโดแบร์กดไปติดกำแพง

81 – เจ้าถิ่นลุยต่อ ทว่าซานเชซปฏิกิริยาไวปัดลูกยิงจากนอกกรอบของโคเลโอโช

83 – สเตอร์ลิ่งได้พัก และเป็นมูดรีค ลงสนามแทนที่

86 – จากนั้นเป็นโอกาสของแมตเซ่น แทนที่ของพาลเมอร์ ที่เหมือนจะมีอาการเจ็บ

88 – มูดรีคจ่ายบอลเข้าเท้าแจ็คสัน แต่หอกเบอร์ 15 ไปแต่งบอลหลายจังหวะ ที่สุดแล้วเขาตอกส้นไม่ถึงเอนโซ โดนแย่งไป

90 – ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 7 นาที

90+4 – ฟอสเตอร์ตัดสินใจกลับตัวแล้วยิงเต็มเท้า บอลพุ่งเหินข้ามคาน

จนแล้วจนรอดไม่มีทีมใดยิงเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี บุกชนะเบิร์นลี่ย์ 4-1

ความหมายของเกมนี้

เป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่เชลซีเก็บชัยชนะต่อเนื่องในพรีเมียร์ ลีก โดยสามารถนำสิ่งดังกล่าวเป็นโมเมนตั้มเข้าสู่ช่วงเบรคทีมชาติได้ จาก 6 คะแนนที่เราทำได้ในรอบ 6 วัน ช่วยให้เราขึ้นไปอยู่อันดับ 10 ด้วยคะแนนรวม 11 แต้ม นำหน้าฟูแล่ม และคริสตัล พาเลซ ด้วยผลต่างประตูได้เสีย

นัดถัดไป

มีสัปดาห์ว่างสำหรับเชลซีและพรีเมียร์ ลีก โดยเราเข้าสู่ช่วงเบรคทีมชาติอีกครั้ง ซึ่งนัดถัดไปของเดอะ บลูส์ คือการเปิดบ้านรับมืออาร์เซนอล ในวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม คิกออฟ เวลา 23.30 น.

เชลซี (4-3-3): ซานเชซ; คูคูเรญ่า, ดิซาซี่, ธิอาโก้ ซิลวา, โคลวิลล์; กัลลาเกอร์ (c), ไคเซโด้, เอนโซ; พาลเมอร์ (แมตเซ่น 86), โบรย่า (แจ็คสัน h-t), สเตอร์ลิ่ง (มูดรีค 82)
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม: เปโตรวิช, กิลไครสต์, ชุคเวเมก้า, มาโตส, อูโกชุควู, มาดูเอเก้
ผู้ทำประตู: อัล-ดาคิล (ประตูตัวเอง 42), พาลเมอร์ จุดโทษ 50, สเตอร์ลิ่ง 65, แจ็คสัน 74
ใบเหลือง: คูคูเรญ่า 27, เอนโซ 27, ธิอาโก้ ซิลวา 45+2, ไคเซโด้ 73

เบิร์นลี่ย์ (4-5-1): แทรฟฟอร์ด; วิตินโญ่ (โรเบิร์ตส์ 61), อัล-ดาคิล (โอเชีย h-t), เดลครัวซ์, เทย์เลอร์; โอโดแบร์ (บรูน ลาร์เซน 79), บราวน์ฮิลล์ (c), คัลเลน (แรมซี่ย์ 61), เบิร์จ, เทรซอร์ (โคเลโอโช 61); ฟอสเตอร์
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม: มูริช, คอร์ก, อัมดูนี่, โรดริเกซ
ผู้ทำประตู: โอโดแบร์ 16
ใบเหลือง: คัลเลน 30, โอโดแบร์ 38

ผู้ตัดสิน: สจ๊วร์ต แอตต์เวลล์



Source link

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *