โทนี โครส กับตำนานสตั๊ดขาว ‘11Pro’ รองเท้าคู่เดียวที่ไม่เคยคิดเปลี่ยนใจ
พูดถึงนักฟุตบอลแล้ว ของคู่กันก็ย่อมหนีไม่พ้นรองเท้าฟุตบอล หรือที่บ้านเรียกกันติดปากว่ารองเท้า ‘สตั๊ด’
เรื่องราวของรองเท้าสตั๊ดกับนักฟุตบอลนั้นมีเรื่องราวมากมายที่เล่ากันได้อย่างสนุก ไม่ว่าจะเป็นตำนานรองเท้า ‘3 แถบ’ ที่มีส่วนกับการได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1950 ของทีมชาติเยอรมนี, ตำนานรองเท้า Mercurial ของ ‘R9’ โรนัลโด เด ลิมา (ที่ต่อมาสานต่อโดย คริสเตียโน โรนัลโด), ตำนานรองเท้าขวัญใจมหาชนตลอดกาลอย่าง Predator โดยเฉพาะสีคลาสสิกอย่าง Accelerator สีทอง ของ ซีเนดีน ซีดาน หรือ Precision สีขาวล้วนลิ้นสีแดง ที่เป็นเอกลักษณ์ของ เดวิด เบ็คแฮม
แต่ถ้าจะถามถึงตำนานรองเท้าสตั๊ดยุคโมเดิร์นที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงออกใหม่กันแทบทุกปี เปลี่ยนสีกันแทบทุกเดือนแล้ว รองเท้าที่เป็นที่จดจำของแฟนฟุตบอลทั่วโลกมากที่สุดกลับไม่ได้เป็นรองเท้าสีสันจัดจ้านคู่ไหนเลย
เพราะรองเท้าที่เป็น ‘อมตะ’ ในวันนี้และจะเป็นอมตะต่อไปอีกหลายสิบปีคือ รองเท้าสตั๊ดสีขาวล้วนของ โทนี โครส ที่เลิกผลิตไปตั้งแต่ปี 2013 แต่หนึ่งในมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดในโลกยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
ใช่แล้ว! เรากำลังพูดถึง ‘adidas Adipure 11Pro’
เรื่องราวตำนานสตั๊ดขาวของ โทนี โครส ไม่ได้เป็นเรื่องเล่าใหม่ หากแต่เป็นเรื่องเก่าที่เอากลับมาเล่าอีกสักกี่ครั้งก็ยังคงประทับใจ
🏹 @ToniKroos 🏹#RMCity pic.twitter.com/VoBF7ILrFL
— Real Madrid C.F. (@realmadrid) October 11, 2023
ส่วนหนึ่งของเหตุผลนั้นเพราะนี่เป็นรองเท้าคู่ใจของมิดฟิลด์ระดับอัจฉริยะสายคลาสสิกที่หาแทบไม่เจอแล้วในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน ที่แม้วัยของเขาจะล่วงมาถึง 33 ปี เป็นไม้ใกล้ฝั่งที่รอวันปลดระวาง แต่มันสมองในการเล่นของโครสก็ยังเหนือและล้ำกว่าคู่แข่งเสมอ
แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องราวของสตั๊ดคู่นี้กลายเป็นตำนานมีมากกว่านั้น
ตำนานเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ ‘ความรัก’ ของโครสที่มีต่อรองเท้าคู่ใจของเขาล้วนๆ ชนิดที่ว่า ต่อให้รองเท้ารุ่นนี้เลิกผลิตไปเกือบ 10 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังคงใส่รองเท้ารุ่นเดิมตลอดไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
ไม่ว่าจะมีการผลิตรองเท้ารุ่นใหม่ที่มีน้ำหนักเบากว่า อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือสีสันสดใสกว่า โครสก็ไม่สนใจ รองเท้าคู่เดียวที่เขาจะใส่คือ adidas Adipure 11Pro สีขาวคู่เก่งของเขาเท่านั้น
เหตุผลนั้นไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจได้ยาก
ก็รองเท้าคู่นี้มันใส่เข้าเท้า ใส่แล้วมั่นใจ ใส่แล้วเล่นได้ดีที่สุด ซึ่งสำหรับนักฟุตบอลทุกคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพ ถ้าเจอรองเท้าคู่ใจแล้ว ต่อให้เปลี่ยนไปใส่รุ่นไหนก็ตาม สุดท้ายก็ต้องพยายามกลับมาใส่รุ่นเดิมอยู่ดี
โครสเองก็เช่นกัน นับตั้งแต่ใส่รุ่นนี้มาในฤดูกาล 2013/14 เขาก็ใส่มันมาโดยตลอด แม้ว่า adidas จะยกเลิกการผลิตรองเท้ารุ่นนี้ไปในปี 2014 แล้วก็ตาม
การทำแบบนี้ของโครส จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมีนักฟุตบอลอาชีพคนไหนที่มีสัญญาสปอนเซอร์กับบริษัทกีฬาทำได้ เพราะไม่ว่าจะบริษัทไหนก็ตาม ย่อมอยากให้นักฟุตบอลใส่รองเท้ารุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว เพื่อกระตุ้นการขายอยู่แล้ว ในฐานะ Endorser
เบน วอร์เรน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหารองเท้าให้แก่นักฟุตบอลอาชีพ (มีอาชีพนี้จริงๆ นะบนโลกนี้!) เคยให้สัมภาษณ์กับ The Athletic ว่า เขาแทบไม่เคยได้ยินนักฟุตบอลอาชีพในระดับท็อปของโลกที่จะสามารถปฏิเสธการใส่รองเท้ารุ่นใหม่ๆ ได้
บนโลกนี้น่าจะมีโครสแค่คนเดียวที่ทำแบบนี้ได้ และ adidas ก็คงไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
“การที่เขาทำได้แบบนี้มันบ้ามากเลยนะ” วอร์เรนบอก “ผมมั่นใจว่าหนึ่งในเหตุผลคือ การที่เขาเป็นคนเยอรมัน และ adidas ก็เป็นบริษัทของเยอรมัน แต่เขาก็น่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ เพราะแบรนด์ส่วนใหญ่จะเข้มงวดมากกับการบังคับให้นักฟุตบอลใส่รองเท้าในรุ่นล่าสุด”
เรื่องนี้ก็น่าจะพอมีเค้าความจริง เพราะโครสถือเป็นหนึ่งใน ‘เสาหลัก’ ของวงการฟุตบอลเยอรมัน เป็นห้องเครื่องของทีมในชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 (และแน่นอนว่ารองเท้าที่เขาใส่ก็คู่เก่งนี่แหละ) และยังเป็นนักฟุตบอลที่มีความโดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
ในขณะที่ adidas สูญเสีย ‘โอกาส’ ที่จะโปรโมตรองเท้ารุ่นใหม่ไปกับนักฟุตบอลหนึ่งคน
การที่พวกเขายอมให้โครสใส่รองเท้ารุ่นเก่า มันเป็นการเพิ่ม ‘มูลค่า’ (Value) ด้านอื่นมากกว่า เช่น เรื่องของความ Loyalty ซึ่งเป็นค่านิยมเก่าแก่ที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในยุคนี้
ทั้งนี้ adidas เองก็พยายามจะให้การสนับสนุนด้วยการผลิตรองเท้ารุ่นนี้ให้แก่โครสเป็นการเฉพาะ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วรองเท้า Adipure 11Pro ของเขานั้นก็ไม่ได้เป็นรองเท้าที่เหมือนกับที่ผลิตขายทั่วไป
นั่นเพราะถึงส่วนของอัปเปอร์รองเท้าที่ทำจากหนังจิงโจ้เกรดพรีเมียมจะเหมือนกับรองเท้ารุ่นนี้ แต่พื้นรองเท้านั้นเอามาจากรุ่น ‘Adipure III’ ซึ่งออกวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2009
โดยยืนยันว่า พวกเขา ‘ภูมิใจ’ ในความสัมพันธ์ที่มีต่อตำนานมีชีวิต แต่ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม
ขณะที่โครสเองก็ไม่ได้งอมืองอเท้ารอรองเท้าคู่ใหม่ไปตลอด ในทางตรงกันข้าม สตาร์ลูกหนังรายนี้เป็นคนที่รัก หวงแหน และถนอมรองเท้าคู่ใจของเขามากกว่าใคร
มากในระดับไหน?
ก็หลังซ้อมหรือแข่งเสร็จจะต้องมาขัดสตั๊ดด้วยตัวเองทุกวัน โดยไม่ยอมให้ใครมาทำความสะอาดรองเท้าของเขา แถมทำความสะอาดเสร็จยังต้องมีการบำรุงด้วยแว็กซ์อีก ซึ่งคนที่เล่าเรื่องนี้ก็คือ แกเร็ธ เบล อดีตเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริด นั่นเอง
“เราคิดว่าเขาไม่เชื่อใจให้คนดูแลทีมมาทำความสะอาดรองเท้าให้” เบลบอก “ดังนั้นเขาจะทำความสะอาดมันด้วยตัวเองเสมอ รองเท้าจึงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด”
โครสเองเคยให้สัมภาษณ์กับ Goal เช่นกันถึงเรื่องนี้ “เรื่องรองเท้าของผมเหรอ? ความจริงมันก็มีความพิเศษอยู่หน่อยๆ ผมไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนในทีมเรอัล มาดริด ที่ทำความสะอาดรองเท้าทุกวัน และเตรียมรองเท้าให้พร้อมในแบบเดียวกับผม
“รองเท้าของผมถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมในสนาม คนอื่นๆ เขาไม่ได้เป็นเหมือนกัน”
อย่างไรก็ดี รองเท้าคู่เก่งนี้ถึงจะอยู่รับใช้เขามานานแค่ไหน แต่ทุกอย่างย่อมมีวันบุบสลาย
ย้อนกลับไปในเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021/22 ที่เรอัล มาดริด ต้องดวลกับลิเวอร์พูล ในสนามสตาดเดอฟรองซ์ มีข่าวว่า adidas รู้ว่าสภาพรองเท้าของโครสนั้นเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เลยจัดส่งคู่ใหม่ไปให้ แต่มีการเพิ่มรายละเอียดด้วย วัน/เดือน/ปี ของวันที่ชิงชนะเลิศ
ปรากฏว่าโครสไม่ยอมใส่รองเท้าใหม่คู่นั้น เขาหยิบคู่เก่าในสภาพปุปะของเขาออกมาใส่แทน เพราะมั่นใจมากกว่า
สุดท้ายห้องเครื่องชาวเยอรมันก็มีส่วนในชัยชนะของทีมที่ย้ำแค้นลิเวอร์พูลได้อีกครั้ง โดยที่หากใครสังเกตรองเท้าของเขาก็จะเห็นว่า รองเท้านั้นสภาพมันบ่ไหวแล้วเด้อ ทั้งปริและขาด
อย่างไรก็ดี ในรายการยูฟ่าซูเปอร์คัพ เขายอมเปลี่ยนมาใส่ Adipure 11Pro คู่ใหม่ของเขาที่ผลิตจากโรงงานในเมืองไชน์เฟลด และใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2022/23 จนถึงปัจจุบันนี้ และเราก็เชื่อว่า เขาน่าจะใส่รองเท้ารุ่นนี้ไปจนกว่าจะเลิกเล่นฟุตบอล หรืออาจจะใส่ไปตลอดชีวิตต่อให้เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพแล้วก็ตาม
เรียกได้ว่าเป็นนักฟุตบอลที่มั่นคงในความรักต่อรองเท้าอย่างยิ่ง
และความรักของโครสที่ไม่เคยเปลี่ยนไป ยังทำให้รองเท้ารุ่นนี้กลายเป็นรองเท้า ‘ตัวเทพ’ ที่บรรดานักสะสมทั่วโลกต้องการได้มาครอบครอง สนนราคาของรองเท้านั้นมีตั้งแต่หลักหลายหมื่นไปจนถึงหลักแสน แล้วแต่ว่าเป็นไซส์มหาชนหรือไม่
โดยคนที่มีครอบครองไว้ก็แทบไม่มีใครอยากจะปล่อยออกมา เพราะถ้าปล่อยไปแล้วก็ไม่รู้จะไปหาจากไหนแล้วเหมือนกัน
อย่างไรก็ดี ล่าสุดสาวกสตั๊ดขาวของโครสกำลังตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะ adidas ตัดสินใจที่จะผลิตรองเท้ารุ่นนี้ขึ้นมาใหม่ออกมาใน 2 เวอร์ชันด้วยกัน
เวอร์ชันแรกที่ฮือฮาที่สุดคือการ ‘Remake’ ในแบบ One-to-One คือเหมือนรองเท้าของโครสเป๊ะๆ ทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่อัปเปอร์ไปจนถึงพื้น ยันปักธงชาติเยอรมนีไว้ที่บริเวณด้านหลังส้นเท้าด้วย
ที่พีคที่สุดคือ เวอร์ชันนี้จะทำมาแค่ไซส์เดียวกับรองเท้าของโครสด้วยคือ ไซส์ 9 US (270) โดยให้ชื่อรุ่นว่า ‘11Pro Toni Kroos Firm Ground Boots’ เรียกว่าเป็นการสดุดีตำนานบทนี้กันเลยทีเดียว
ปัญหาหนักใจสำหรับนักสะสมทั่วโลกคือ รองเท้ามีผลิตออกมาน้อยมากๆ แค่ 250 คู่! ซึ่งประเทศแรกที่มีข่าวว่าวางจำหน่ายแล้วคือประเทศอินเดีย ซึ่งมีวางจำหน่ายเฉพาะสมาชิก adiclub จำนวน 1 คู่ถ้วน!
ขณะที่ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนได้ไปแค่ 11 คู่เท่านั้น ส่วนในไทยยังไม่มีข่าว
แต่ยังมีอีกเวอร์ชันหนึ่งที่จะมีวางจำหน่ายทั่วไป แต่ก็มีจำนวนจำกัดมากๆ อยู่ดี โดยความแตกต่างคือ เรื่องของพื้นรองเท้า ที่จะเป็นพื้นรองเท้าสมัยใหม่ที่มีในปัจจุบันแทน โดยนำมาจากรุ่น Copa Pure ซึ่งเป็นปกติของ adidas ที่ผลิตรองเท้า Remake ที่คนคิดถึงออกมา แต่ปรับให้มีความทันสมัยมากขึ้น (แต่บางคนก็ไม่ถูกใจ เพราะชอบความรู้สึกของรองเท้าแบบเดิมมากกว่า)
สำหรับคนที่เป็นแฟนของ โทนี โครส หรือชื่นชอบสตอรีของรองเท้าสตั๊ด และมีกินมีใช้เหลือเฟือ ก็ถือว่าควรค่าที่จะหามาเก็บไว้ในครอบครอง
เพราะนี่คือรองเท้าสตั๊ดอมตะอีกรุ่นของโลก ที่ไม่ได้อยู่ยั้งยืนยงด้วยเหตุผลแค่เรื่องของการออกแบบ วัสดุ หรือผลงานในสนาม
ความรักต่างหากที่ทำให้มันอยู่เหนือกาลและเวลา
อ้างอิง:
- เคยมีการรวบรวมสถิติเอาไว้ว่า ตั้งแต่โครสใส่รองเท้า Adipure 11Pro เปอร์เซ็นต์การผ่านบอลสำเร็จของเขาในเกมลาลีกาและแชมเปียนส์ลีกไม่เคยต่ำกว่า 90% เลย!
- นักฟุตบอลอีกคนที่เดินตามรอยของโครสคือ อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน ที่ใส่รองเท้ารุ่นเก่า Nike HyperVenom 3 มาตลอด แต่ล่าสุดได้ร่วมกับ Pan พัฒนารองเท้ารุ่นใหม่ ‘T5’ ซึ่งต่อยอดแรงบันดาลใจจากรองเท้าคู่เก่งของธีราทรมานั่นเอง และตอนนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเตะชาวไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว