ลิเวอร์พูล จะรับมือยังไงเมื่อต้องเตะเที่ยงครึ่ง

หลังจบเกมนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ เป่าปากด้วยความโล่งใจ แต่ไม่วายที่เขาจะพูดถึงโปรแกรมแบบนี้

“เราพักทีมชาติ 4 ครั้ง และมีถึง 2 หนที่เราต้องกลับมาเตะตอนเที่ยงครึ่ง” คล็อปป์ พูดหลังเกมเจอ วูล์ฟส์

อย่างไรก็ตาม 

ลิเวอร์พูล ต้องพบว่าตัวเองต้องลงเล่นเวลาเที่ยงครึ่งครั้งที่สาม เมื่อคิวเจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 25 พฤศจิกายน ถูกขยับมาเตะคู่แรกของวัน

ซึ่งนั่นก็จะเป็นอีกครั้งที่มันเกิดขึ้นหลังจากพักเบรค ฟีฟ่า เดย์ เท่ากับว่า ลิเวอร์พูล โดนลักษณะแบบนี้ 3 จาก 4 หนเลยทีเดียว

ความจริง คล็อปป์ ไม่ได้ติดใจอะไรกับการต้องเล่นเวลานี้เลย เพียงแต่มันต้องมีเวลาเตรียมความพร้อมให้เต็มที่

ปัญหาคือระยะเวลาพักฟื้นของผู้เล่นที่เดินทางต่างทวีป โดยเฉพาะนักเตะที่ต้องข้ามมาจากโซนอเมริกาใต้

อลีสเซง เบ็คเกอร์, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ หรือจะรวม วาตารุ เอ็นโด จากเอเชีย ไปอีกคนด้วยก็ได้

เกมวันนั้นที่พลิกชนะ “หมาป่า” 3-1 คล็อปป์ ตัดสินใจพัก ดิอาซ กับ ดาร์วิน เป็นตัวสำรอง แล้วส่ง แม็ค อัลลิสเตอร์ ออกสตาร์ทตัวจริง

ผลที่ออกมาคือ ดาวเตะอาร์เจนติเนี่ยน ถูกเปลี่ยนตัวออกทันทีเมื่อจบครึ่งแรก ดังภาพที่ออกมาคือเขามีสภาพไม่พร้อมที่จะลงเล่นแบบร้อยเปอร์เซ็นต์สักเท่าไหร่

มาถึงเกม เมอร์ซี่ย์ ไซด์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นวันเสาร์ ดีเล็กน้อยที่ ลิเวอร์พูล ไม่ต้องเดินทางข้ามเมือง 

ทว่ากรอบเวลาพักฟื้นก็ยังเหมือนเช่นเดิม กว่าผู้เล่นบางรายจะกลับมาซ้อมได้ก็ต้องรอจนถึงวันศุกร์ 

แผนกวิทยาศาสตร์การกีฬาของ คล็อปป์ คือแผนกสำคัญระหว่างตอนนี้ไปจนถึงวันเสาร์

นี่คือผลกระทบที่ลูกทีมตำแหน่งเอาท์ฟิลด์ของ “บอสเจเค” ได้รับในช่วงทีมชาติจนถึงตอนนี้

กองหลัง

ลิเวอร์พูล เจอข่าวร้ายไปแล้วเมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้รับบาดเจ็บกับทีมชาติสกอตแลนด์

แม้ยังไม่แน่ชัดว่า “ร็อบโบ้” ต้องพักนานแค่ไหน แต่เป็นไปได้สูงที่อาการตรงไหล่ของเขาส่อเค้าร้างสนามหลายเดือน

คาดว่า คอสตาส ซิมิกาส จะถูกดันให้ขึ้นมาทำหน้าที่ แต่ถึงอย่างไร แบ็กกรีก ก็ถูกใช้งานพอตัวกับเกมทีมชาติ เมื่อลงเล่นนัดเจอ ไอร์แลนด์ กับ เนเธอร์แลนด์

ขณะที่แนวรับคนอื่น ๆ ต่างลงเล่นให้ชาติบ้านเกิดเหมือนกัน 

เช่น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รับใช้ อังกฤษ 90 นาทีเต็มเกมเจอ ออสเตรเลีย ยังดีที่เขาได้พักในเกมกับ อิตาลี 

ส่วน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็ลงเล่นเต็มนาทีให้กับ “อัศวินสีส้ม” เจอ ฝรั่งเศส แล้วเป็นตัวจริงนัดเจอ กรีซ 

รายของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ เล่นให้ ฝรั่งเศส เป็นเวลา 90 นาทีในเกมดวลกับลูกพี่วีวีดี และยังถูกใช้งานในเกมอุ่นเครื่องกับ สกอตแลนด์ 

สองคนที่เหลือ โจ โกเมซ กับ โฌแอล มาติป อยู่ที่สนามซ้อม เคิร์คบี้ สภาพร่างกายที่สดของพวกเขาอาจทำให้ทั้งคู่เป็นตัวเลือกเกมเจอ เอฟเวอร์ตัน ก็เป็นได้

กองกลาง

การเลือกมิดฟิลด์ที่ฟิตและฟอร์ตฮอตมันไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่ในช่วงนี้

เคอร์ติส โจนส์ ที่มีผลงานดียังคงติดโทษแบนอยู่ ส่วน ติอาโก้, สเตฟาน บายเซติช หรือจะรวม โคดี้ กัคโป ที่สามารถเล่นได้ต่างก็กำลังอยู่ระหว่างการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ 

แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ เอ็นโด จำเป็นต้องรับการประเมินสภาพร่างกายที่ เคิร์คบี้ หลังจากพวกเขาต่างต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลเมื่อไปเล่นให้ อาร์เจนตินา กับ ญี่ปุ่น

สัปดาห์ก่อน ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ลงเล่นครบ 90 นาทีในเกมอังกฤษ ยู-21 ไล่ต้อน เซอร์เบีย 9-1 ก่อนจะลงเล่นแบบเต็มเกมอีกครั้งในเกมที่แพ้ ยูเครน 2-3 เมื่อวันจันทร์

โดมินิค โซโบซไล ลงเล่นครบ 90 นาทีทั้งสองนัดที่ ฮังการี ชนะ เซอร์เบีย 2-1 และเสมอ ลิทัวเนีย 2-2

ไรอัน กราเฟนแบร์ก ซึ่งไม่ติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ทั้งชุดใหญ่และรุ่นเด็ก น่าจะการันตีการเป็นตัวจริงได้ 

แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าตำแหน่งของเขากับ ลิเวอร์พูล จะเป็นในตำแหน่งใด

กองหน้า

นี่คือตำแหน่งที่นักเตะหลายคนของ ลิเวอร์พูล ได้รับผลกระทบจากการเดินทางเต็ม ๆ 

ดิอาซ กับ ดาร์วิน ลงเล่นให้บ้านเกิดตัวเอง 90 นาทีเต็มเมื่อสัปดาห์ก่อน และเกมเมื่อเช้าวันพุธ พวกเขาก็อยู่ในสนามตั้งแต่วินาทีแรกจนกระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดยาวอีก ซึ่งกว่าทั้งคู่จะกลับมารายงานตัวก็ต้องรอจนถึงวันศุกร์

ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เล่นไป 89 นาทีเกมที่ อียิปต์ ชนะ แซมเบีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ตามด้วยการเล่นแบบเต็มเกมในนัดที่เสมอกับ แอลจีเรีย 1-1 เมื่อวันจันทร์

ดีโอโก้ โชต้า เป็นตัวเลือกที่มีสภาพร่างกายสดที่สุด เพราะเขาลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกมของนัดที่ โปรตุเกส เอาชนะ สโลวาเกีย เมื่อวันศุกร์ และอยู่ในสนามแค่ช่วง 24 นาทีสุดท้ายของเกมที่เจอกับ บอสเนีย แอนด์ เฮอร์เซโกวีน่า

นอกจากนี้ เกมลีกนัดล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล บุกแบ่งแต้มกับ ไบรท์ตันฯ เขาก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมเพราะวันนั้นติดโทษแบน

HOSSALONSO