“สิงโตคำราม” เจ๋งพอครองบัลลังก์แชมป์ยูโร 2024 แล้วหรือยัง? | เดลินิวส์
หลังสิ้นเสียงนกหวีดที่เวมบลีย์ สกอร์จบลงที่ทีมชาติอังกฤษชนะอิตาลี 3-1 ส่งให้ “สิงโตคำราม” ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันยูโร 2024 ได้สำเร็จ
อังกฤษภายใต้การคุมทีมของ แกเรธ เซาธ์เกต มักจะทำผลงานได้ดีในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ทั้งฟุตบอลโลก 2018 ที่ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศ, ยูโร 2020 ที่คว้ารองแชมป์ และล่าสุดฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ จอดป้ายรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ครั้งสุดท้ายที่ ทีมเมืองผู้ดี หยิบแชมป์ระดับเมเจอร์มาครองได้คือศึกฟุตบอลโลก 1966 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ คำถามก็คือเวลานี้พวกเขาดีพอหรือยังที่จะก้าวขึ้นครองบัลลังก์เจ้ายุโรปในศึกยูโร 2024 ที่เยอรมนี
– เกมรุกที่น่ากลัว –
ต้องยอมรับว่าทีมชาติอังกฤษมีเกมรุกที่น่ากลัว นำโดย แฮร์รี่ เคน ที่สามารถการันตีประตูได้เกือบทุกเกมที่ลงเล่น โดยการย้ายไปเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค ในศึกบุนเดสลีกา หรือ อายุที่ล่วงเลยเข้าสู่วัย 30 ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพในการถล่มประตูของ “เฮอร์ริเคน” ลดลงแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ อังกฤษ ยังมีตัวริมเส้นให้เลือกใช้งานมากเกินพอ ทั้งบูกาโย ซากา จากอาร์เซนอล, แจ็ค กรีลิช และ ฟิล โฟเดน 2 คู่หูจากแมนเชสเตอร์ ซิตี รวมถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วน เจมส์ แมดดิสัน ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีกับ สเปอร์ส ก็นับเป็นตัวปั้นเกมชั้นดี
ส่วนในตำแหน่งหน้าเป้านอกจาก เคน แล้ว เซาธ์เกต ก็ยังมีตัวทีเด็ดอย่าง โอลลี วัตกินส์ ที่เล่นได้ดีในเกมอุ่นเครื่องกับ ออสเตรเลีย หรือ อิวาน โทนีย์ ให้สลับใช้งานได้เช่นกัน แม้รายหลังยังติดโทษแบนจากคดีเล่นพนันฟุตบอลจนถึงเดือนม.ค.ก็ตาม
– ตัวแปรสำคัญที่ชื่อ จู๊ด –
จู๊ด เบลลิงแฮม ถูกกล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก หลังโชว์ฟอร์มสุดยอมกับ รีล มาดริด และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้ตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมพิชิตอิตาลี เขาคือคนที่ช่วยปลุกเร้าเพื่อนร่วมทีม และแฟนบอลให้รวมใจกันสู้ หลัง อังกฤษ เสียประตูให้ทัพอาซซูรีไปก่อน
เบลลิงแฮม เคยผ่านทัวร์นาเมนต์ใหญ่มาแล้วในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ และพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างมากนับตั้งแต่ย้ายไปเล่นให้ “ราชันชุดขาว” และนับเป็นเรื่องโชคดีมาก ๆ สำหรับอังกฤษ และ เซาธ์เกต ที่มี ดาวเตะพรสวรรค์วัย 20 ปี อยู่ในทีม
ฤดูกาลนี้ เบลลิงแฮม ลงเล่นให้ รีล มาดริด ไปแล้ว 10 นัดรวมทุกรายการ และทำได้ถึง 10 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ โดยจากการที่หมอนี่เลือกสวมเสื้อหมายเลข 5 ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับตำนานอย่าง ซีเนดีน ซีดาน และถูกยกย่องว่า เป็น “อิงลิช ซีดาน” จากลีลาการเล่นที่ครบเครื่องทั้งการสร้างสรรค์เกม และการสอดขึ้นไปพังประตู –
– กองหน้าเวิลด์คลาส กองหลังเวิลด์… –
ทีมชาติอังกฤษ มีเกมรุกที่ยอดเยี่ยมก็จริง แถมยังมีผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้อย่าง จอร์แดน พิคฟอร์ด แต่ยังมีคำถามสำหรับแนวรับที่หลายคนมองว่า ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะประสบความสำเร็จในเกมระดับเมเจอร์
เกมล่าสุด เซาธ์เกต เลือกใช้บริการของ แฮร์รี แม็กไกวร์ และ จอห์น สโตนส์ ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งแม้จะทำผลงานได้ดี แต่ก็ยังมีข้อกังวลในหมู่แฟนบอล โดยเฉพาะ แม็กไกวร์ ที่ตกเป็นตัวสำรองอย่างถาวรของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ เอริค เทน ฮาก จนขาดความต่อเนื่องในการลงสนาม
ส่วน สโตนส์ ปัญหาเดียวที่น่ากังวลใจคือสภาพร่างกายที่มักโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง
ด้วยเหตุนี้จึงมีการเชียร์ให้ เซาธ์เกต ลองมองตัวเลือกอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลูอิส ดังค์ ของไบรท์ตัน ที่กำลังทำผลงานได้ดี, ลีวาย โควิลล์ กองหลังดาวรุ่งของ เชลซี, มาร์ก เกฮี กองหลังวัยคะนองจาก คริสตัล พาเลซ หรือ ฟิคาโย โทโมรี กองหลังตัวเก่งของ เอซี มิลาน เป็นต้น
– คู่แข่งสำคัญ –
สำหรับคู่แข่งที่ถือเป็นก้างชิ้นโตสำหรับอังกฤษในยูโร 2024 ทีมแรกต้องยกให้ฝรั่งเศสที่เคยเขี่ยพวกเขาตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 มาแล้ว โดยทีเด็ดของทีม “ตราไก่” อยู่ที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป หัวหอกกัปตันทีม และ ความเขี้ยวของกุนซือมากประสบการณ์อย่าง ดีดิเยร์ เดส์ชองส์
ส่วน เยอรมนี ชาติเจ้าภาพ ก็ยังนับเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว แม้จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากการเพิ่งเข้ามารับงานของ ยูเลียน นาเกลส์มัน กุนซือหนุ่มไฟแรง อีกทั้ง “อินทรีเหล็ก” ยังได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์ในฐานะเจ้าบ้านอีกด้วย
ด้าน โปรตุเกส ของกุนซือ โรเบร์โต มาร์ตีเนซ ก็ทำผลงานในรอบคัดเลือกได้อย่างร้อนแรง แถมนักเตะในแต่ละตำแหน่งล้วนคุณภาพคับแก้ว แน่นอนว่า นั่นรวมถึง คริสเตียโน โรนัลโด ที่ยังยิงเป็นไฟในวัย 38 ปีด้วย
– เรียนรู้จากความผิดพลาด –
หลายปีที่ผ่านมา อังกฤษ ต้องพบกับความเจ็บปวดมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโดน โครเอเชีย เขี่ยตกรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 2018 และการพ่าย อิตาลี คาบ้านในรอบชิงดำยูโร 2020
จากความผิดหวังที่ผ่านมาทำให้นักเตะทีมชาติอังกฤษชุดนี้ได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์ในการลงชิงชัยในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์มากขึ้น
เมื่อนำเอาประสบการณ์ทั้งหมดมารวมกันนักเตะที่มีคุณภาพฝีเท้าไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเพื่อนร่วมทวีปแม้แต่น้อยทำให้ อังกฤษ ถูกมองว่า มีทีมที่ดีพอที่จะก้าวไปหยิบแชมป์ ยูโร 2024 มาครองได้เช่นกัน
ทว่ากว่าจะถึงวันนั้นยังมีตัวแปรอีกมากมายที่ เซาธ์เกต และลูกทีมไม่สามารถจะควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ หรือ การจับสลากแบ่งสาย ซึ่งล้วนแล้วส่งผลต่อโอกาสที่จะประสบความสำเร็จของพลพรรค “สิงโตคำราม” ทั้งสิ้น.