ลิเวอร์พูล พบ เอฟเวอร์ตัน!5ประเด็นร้อนหงส์เก็บชัยขึ้นจ่าฝูง(ชั่วคราว)
เกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์ยกแรกของฤดูกาล 2023/24 จบลงด้วยสามคะแนนของ ลิเวอร์พูล ที่เปิดรัง แอนฟิลด์ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก คู่แรกประจำวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม พร้อมกับส่งผลให้ “หงส์แดง” ขึ้นไปครองตำแหน่งจ่าฝูงชั่วคราว
หลังลงเล่นไปแล้ว 9 นัดนั้นลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เก็บได้ 20 คะแนนเท่ากับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ อาร์เซน่อล แต่ ลิเวอร์พูล มีผลต่างประตูได้เสียดีกว่า อย่างไรก็ตามสองทีมลอนดอนเพิ่งเล่นไปแค่ 8 เกมเท่านั้น
จากชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ที่มีเหนือ เอฟเวอร์ตัน มี 5 ประเด็นน่าสนใจดังนี้
1. ชิมิกาส เล่นแบ็กซ้ายแทนร็อบโบ้ตามคาด
คอสตาส ชิมิกาส ได้โอกาสลงมายืนเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้ายแทน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตามคาด หลังดาวเตะทีมชาติสกอตแลนด์ ต้องผ่าตัดหัวไหล่และพักยาว 3 เดือน
แบ็กซ้ายทีมชาติกรีซ ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด ก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 62 หลัง คล็อปป์ ต้องการเปิดเกมรุกให้มากขึ้นเพื่อพยายามทำประตูขึ้นนำให้ได้
2. ใบแดงจุดเปลี่ยนสำคัญ
เกมนี้ ฌอน ไดช์ กุนซือ เอฟเวอร์ตัน นำทีมมาสู้กับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างไม่เป็นรองมากนักในช่วงครึ่งแรก แต่แล้วก็มีจุดเปลี่ยนสำคัญในนาทีที่ 37 หลัง แอชลี่ย์ ยัง ฟูลแบ็กทีมเยือนรับใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงโดนไล่ออกจากสนาม
จากนั้นในครึ่งหลังก็เป็น ลิเวอร์พูล ที่กดดันเข้าใส่ทีมเยือนอย่างหนัก ก่อนที่จะมาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจุดโทษของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาทีที่ 75 หลัง ไมเคิ่ล คีน ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ ซาลาห์ จะมาทำประตูตอกฝาโลงนาที 90+7
จากสองประตูที่ ซาลาห์ ทำได้ในเกมนี้ ส่งผลให้ดาวเตะอียิปต์ มีส่วนร่วมกับที่ ลิเวอร์พูล ได้ประตูทุกนัด (ยิงหรือแอสซิสต์) ใน พรีเมียร์ลีก 13 เกมหลังสุด
3. จารย์ยังสร้างสถิติไม่น่าจดจำ
แอชลี่ย์ ยัง ทำให้ เอฟเวอร์ตัน ต้องเหลือนักเตะแค่ 10 คนช่วงปลายครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังทีมจะต้านไม่อยู่ก่อนเสียประตูในนาทีที่ 75 และด้วยตัวผู้เล่นที่น้อยกว่าก็ไม่สามารถไล่ตามตีเสมอได้ แถมยังมาโดนลูกที่สองท้ายเกมอีกต่างหาก
ดาวเตะวัย 38 ปี สร้างสถิติเป็นนักเตะคนแรกที่โดนไล่ออกจากการได้รับใบเหลืองสองใบในเกม พรีเมียร์ลีก ที่พบกับ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ที่ ซาดิโอ มาเน่ ทำไว้เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2015 สมัยยังเล่นให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน
4. เล่นเที่ยงวันไม่มีปัญหา
เกมนี้คิกออฟกันเวลา 12.30 น.ของอังกฤษ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ต้องลงเล่นช่วงเที่ยงวันหลังเบรกทีมชาติไปแล้วถึง 14 ครั้งนับตั้งแต่ฤดูกาล 2016/17
“หงส์แดง” กลายเป็นทีมที่ต้องลงเล่นตอนเที่ยงวันหลังเบรกทีมชาติมากสุดใน พรีเมียร์ลีก ช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โดยที่ทิ้งห่างทั้ง เชลซี, แมนฯ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เล่นไป 5 ครั้งเท่ากัน
ในฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล มีผลงานย่ำแย่เวลาที่ต้องเล่นตอน 12.30 น. ของวันเสาร์ โดยเล่นไป 6 เกม ไม่ชนะเลย (เสมอ 3 แพ้ 3) แต่ซีซั่นนี้ผลงานต่างไปจากเดิมหลังคว้าชัยได้ทั้งสองเกม (พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน และ เอฟเวอร์ตัน)
5. หงส์ยืดสถิติข่มทอฟฟี่
ลิเวอร์พูล ยังคงมีสถิติที่น่าประทับใจในการเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ในเกมเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้ โดยชนะไปแล้ว 125 จาก 294 นัด ขณะที่ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ชนะ 83 นัด และจบด้วยผลเสมอ 86 นัด
นอกจากนั้น “หงส์แดง” ยังยืดสถิติแพ้ให้ เอฟเวอร์ตัน แค่นัดเดียวจาก 26 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก ที่เจอกัน (ชนะ 12 เสมอ 13) โดยความปราชัยครั้งหลังสุดต้องย้อนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021
ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ยังเก็บคลีนชีตได้ถึง 27 นัดในการเจอกับ เอฟเวอร์ตันใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งมากกว่าที่ทำได้ในการเจอคู่แข่งรายอื่นๆ ในการแข่งขันรายการนี้