รายงานการแข่งขัน: เชลซี 2-2 อาร์เซนอล | ข่าว | เว็บไซต์ทางการ
เดอะ บลูส์ โดนอาร์เซนอลกลับมาตามตีเสมอ หลังจากที่ประตูแรกในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของโคล พาลเมอร์ และมีคายโล มูดรีค ส่งให้พวกเราออกนำไปก่อน
นาทีต่อนาที – ครึ่งแรก
1 – คิกออฟ | เชลซีเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเกมก่อน โดยจะบุกจากขวาไปซ้าย
2 – โอกาสหนแรกของเกม… เป็นเชลซีที่ได้ลุ้นถึงสองหน หนแรกเป็นกัลลาเกอร์ซัดไปติดบล็อก จากนั้นบอลไหลเข้าทางเอนโซอัดดาบสองโดยมีจอร์จินโญ่ตามไม่ห่าง ลูกโด่งออกหลัง
7 – พาลเมอร์ไหลทะลุช่องทางพื้นที่ด้านขวาให้ราฮีมกะจะหาช่องจ่ายต่อในกรอบเขตโทษ จังหวะนี้โดนไรซ์ดักทางทิ้ง
8 – ใบเหลืองของพาลเมอร์ จากจังหวะฟาวล์ใส่เชซุส
10 – โคลวิลล์ไปเสียบอลโดนโอเดการ์ดฉกแถวกรอบเขตโทษเชลซี ยังดีที่ช็อตนี้อาร์เซนอลเองก็ทำได้ไม่ดีพอ ไคเซโด้สาดทิ้งได้ก่อน
11 – จังหวะบุกต่อเนื่องของเชลซีช็อตนี้ไปจบที่มูดรีคโดนซินเชนโก้ทำฟาวล์ แบ็คยูเครนรับใบเหลือง
13 – เหตุการณ์สำคัญ เมื่อผู้ตัดสินเช็ก VARจากจังหวะที่ลูกโหม่งของมูดรีคไปโดนมือซ้ายของซาลิบาในกรอบเขตโทษ… ที่สุดแล้วเราได้ลูกโทษ!
15 – Goal! โคล พาลเมอร์ กดบอลเรียดเสียบมุมล่างฝั่งซ้าย รายาพุ่งไปคนละทาง เชลซีขึ้นนำ 1-0
21 – เกือบได้! เมื่อไรซ์หลุดเข้ากรอบเขตโทษและตัดสินใจกึ่งยิงกึ่งผ่านบอลพุ่งเรียดจากเสาแรกออกไปเสาสองแบบมีลุ้น
26 – เชซุสลองง้างด้วยขวาในระยะเสาแรก ทว่ากองหน้าบราซิลยังกดไม่ผ่านบล็อกรุ่นพี่ร่วมชาติอย่างธิอาโก้ ซิลวา
29 – กัลลาเกอร์พาบอลขึ้นแดนบนได้น่าสนใจ เขาแหวกหนีเกมรับคู่แข่งจนได้ช่องจ่ายให้พาลเมอร์ เจ้าของประตูแรกในวันนี้กดบอลผ่านเสาไกลออกไปนิดเดียว
37 – เอนโซมีแทงทะลุข่องกะให้กัลลาเกอร์สร้างโอกาส แต่โดนจับล้ำหน้าไปก่อน
44 – เชลซีบุกน่ากลัว สเตอร์ลิ่งวิ่งเอาชนะซินเชนโก้ ก่อนผ่านให้กุสโต้บังคับยิงเหลี่ยมซ้าย ผลคือบอลหลุดข้ามคาน
44 – ธิอาโก้ ซิลวา ใบรับเหลืองจากจังหวะอัดใส่เชซุส
45 – ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก 2 นาที
45+1 – เอนโซมีพื้นที่มีเวลาลองปั่นเน้น ๆ แม้ทิศทางจะเข้ากรอบ แต่น้ำหนักยังเบาไป รายารับสบาย
หมดครึ่งแรก เชลซี นำอาร์เซนอล 1-0
นาทีต่อนาที – ครึ่งหลัง
46 – กลับสู่ครึ่งหลัง อาร์เซนอลเปลี่ยนสำรองหนึ่งราย โทมิยาสุลงเล่นแทนที่ซินเชนโก้
48 – Goal! มูดรีค โชว์สกิลหวดบอลคล้ายการกึ่งยิงกึ่งผ่าน บอลเลยรายาเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างเด็ดขาด
53 – มาร์ติเนลลี่สร้างโอกาสเข้าทำ เขากดบอลไปติดแฉลบธิอาโก้ ซิลวา
56 – ทีมเยือนบุกต่อ | จอร์จินโญ่ซัดบอลไปติดบล็อก จากนั้นจอร์จี้ได้บอลต่อ เขาเลือกจ่ายให้โทมิยาสุกดบอลไปแฉลบไคเซโด้ แถมโชคร้ายไม่ได้เตะมุม
58 – รายาจ่ายบอลสั้นโดนพาลเมอร์ดัก อย่างไรเสีย เขายังแก้ตัวออกมาตามกดดันไม่ให้แข้งเบอร์ 20 ของพวกเราได้หวดถนัด
65 – เชลซีเริ่มขยับสำรอง | มูดรีคออก แจ็คสันเข้า
68 – ทีมเยือนขยับบ้าง ส่งสมิธ โรว์ และเอ็นเคเทียห์ ลงบู๊
71 – ใบเหลืองของคูคูเรญ่า จากจังหวะไปเถียงกับผู้ตัดสิน
77 – อาร์เซนอลไล่มา 1-2 เมื่อซานเชซออกบอลไม่ละเอียดเอง และเป็นไรซ์ที่ส่องไกลวางเท้ายิงเข้าประตู
77 – จากนั้นฮาแวร์ตซ์และทรอสซาร์ ถูกส่งลงเล่น
84 – ทีมเยือนตีเสมอเป็น 2-2 ทรอสซาร์เข้าฮอร์สที่จุดนัดพบจากซาก้า บอลพุ่งเข้าประตู
86 – อาร์เซนอลเกือบแซงนำ เมื่อลูกยิงของเอ็นเคเทียห์จิ้มบอลหลุดหน้าปากประตูออกไปนิดเดียว
90 – เกมยังมีโอกาสออกได้ทุกหน้า เมื่อการทดเจ็บครึ่งหลัง มีขึ้นมา 7 นาที
90+1 – ไวท์รับใบเหลืองจากการทำลายจังหวะการเล่นของตัวสำรองเชลซีอย่างมาดูเอเก้
90+4 – เอ็นเคเทียห์ปั่นบอลน้ำหนักเบาไปเข้ามือของซานเชซ
90+5 – เชลซีได้ลุ้นบ้างจากแจ็คสัน ที่ซัดบอลจากมุมแคบแต่ยังไปเข้ามือรายา
เวลาที่เหลือไม่มีทีมใดได้ประตูเพิ่ม ลอนดอน ดาร์บี้จบลงด้วยผลเสมอ
ความหมายของเกมนี้
หนึ่งคะแนนทำให้พวกเราขึ้นมาอยู่โซนครึ่งบนของตารางพรีเมียร์ ลีก แต่การรอคอยเอาชนะเกมเหย้าเหนืออาร์เซนอลยังต้องรอต่อไป แต่อย่างน้อยผลเสมอนัดนี้ ช่วยยุติสถิติการแพ้ต่อเนื่องในบ้านของพวกเราในเกมลีกไว้ได้
นัดถัดไป
เดอะ บลูส์ จะกลับมาลงเล่นที่เดอะ บริดจ์ในวันเสาร์หน้า โดยเป็นเกมลอนดอน ดาร์บี้ พบกับเบรนต์ฟอร์ด
เชลซี (4-3-3): ซานเชซ; คูคูเรญ่า, ดิซาซี่, ธิอาโก้ ซิลวา, โคลวิลล์; กัลลาเกอร์ (c), ไคเซโด้, เอนโซ; สเตอร์ลิ่ง (มาดูเอเก้ 84), พาลเมอร์ (เจมส์ 84), มูดรีค (แจ็คสัน 66)ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม: เปโตรวิช, บาเดียชิลล์, ดิซาซี่, อูโกชุควู, วอชิงตัน
ผู้ทำประตู: พาลเมอร์ (จุดโทษ) 15, มูดรีค 48
ใบเหลือง: พาลเมอร์ 8, ธิอาโก้ ซิลวา, คูคูเรญ่า 71
อาร์เซนอล (4-2-3-1): รายา; ไวท์, ซาลิบา, กาเบรียล, ซินเชนโก้ (โทมิยาสุ h/t); จอร์จินโญ่ (สมิธ โรว์ 68), ไรซ์; ซาก้า, โอเดการ์ด (c) (ฮาแวร์ตซ์ 78), มาร์ติเนลลี่ (ทรอสซาร์ 78), เชซุส (เอ็นเคเทียห์ 68)
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม: เฮน, คิวิออร์, ปาร์เตย์, เนลสัน
ผู้ทำประตู: ไรซ์ 77, ทรอสซาร์ 84
ใบเหลือง: ซินเชนโก้ 11, เอ็นเคเทียห์ 89, ไวท์ 90+1
ผู้ตัดสิน: คริส คาวานอห์
ผู้ชม: 39,723