โหมโรงก่อน “เอล กลาซิโก้” ! จัดทีมชุดผสม บาร์เซโลน่า VS เรอัล มาดริด

0


ผลงานของ บาร์ซ่า และ “ราชันชุดขาว” ในฤดูกาล 2023-2024 ยังถือว่าดีเยี่ยม โดย เรอัล ยึดจ่าฝูงลีกมี 25 คะแนน ขณะที่ “เจ้าบุญทุ่ม” อยู่อันดับ 3 แต่แต้มห่างจากคู่อริร่วมชาติแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้หากพวกเขาสามารถปราบยอดทีมแห่งเมืองหลวงได้สำเร็จ ก็จะทะยานขึ้นไปเป็นจ่าฝูงทันที 

เพื่อให้เข้ากับช่วงเวลาแห่งมหาศึก “เอล กลาซิโก้” งานนี้ก็เลยมีการจัดทีมชุดผสมระหว่างทั้งสองสโมสร โดยต้องบอกเลยว่า บาร์ซ่า และ “โลส บลังโกส” มีนักเตะที่ทำผลงานได้โดดเด่นหลายราย ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในการจะเลือกใครในแต่ละตำแหน่งสำหรับทีมผสมครั้งนี้

ผู้รักษาประตู : มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น (บาร์เซโลน่า)

เริ่มจากตำแหน่งผู้รักษาประตู ต้องยอมรับว่านี่คือตำแหน่งที่เลือกได้ง่ายที่สุด เนื่องจากปัจจุบัน ติโบ กูร์กตัวส์ ต้องเข้ารับการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ขณะที่ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ซึ่งยืมตัวมาจาก เชลซี ผลงานไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก ฉะนั้น มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะได้ยืนเฝ้าเสา 

แบ็กขวา : ชูเอา กานเซโล่ (บาร์เซโลน่า)

ชูเอา กานเซโล่ สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้งนับตั้งแต่ถูกยืมตัวมาเล่นให้ บาร์ซ่า เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมถึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในฟูลแบ็กที่มีอิทธิพลกับการเล่นของทีมในทุกๆ เกม โดยดาวเตะชาวโปรตุกีส ทำไป 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์จากการเล่น 7 เกมลีกให้กับต้นสังกัด นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน ที่ตะบันใส่ เรอัล เบติส สำหรับจุดเด่นของนักเตะก็คือการเล่นเกมรุกที่ดุดัน และการเสียบสกัดที่แม่นยำ 

เซนเตอร์แบ็ก : ฌูลส์ กุงเด้ (บาร์เซโลน่า)

ดาวเตะชาวฝรั่งเศส พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นตัวหลักในเกมรับของ บาร์เซโลน่า และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดย ดาวเตะวัย 24 ปี เป็นผู้เล่นที่มีสถิติดีเยี่ยมในการผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายเป็นอันดับ 2 ในลีก, สกัดบอลสำเร็จ 83.3 เปอร์เซนต์ และสัมผัสบอลมากที่สุดเป็นอันดับ 3 จากฟอร์มการเล่นในเวลานี้แสดงให้เห็นว่านักเตะเต็มไปด้วยความมั่นใจ และสามารถที่จะพัฒนาศักยภาพได้มากยิ่งกว่านี้ ถ้าสามารถรักษามาตรฐานชั้นยอดเอาไว้ 

เซนเตอร์แบ็ก : อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (เรอัล มาดริด)

สตาร์ทีมชาติเยอรมัน เป็นคู่หูแนวรับที่แข็งแกร่งร่วมกับ ดาวิด อลาบา แต่ผลงานของ รือดิเกอร์ โดดเด่นกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขึ้นไปเติมเกมรุก ขณะที่เกมรับก็มีความเหนียวแน่นแข็งแกร่ง นอกจากนี้นักเตะยังเต็มไปด้วยพละกำลัง, มีความเป็นผู้นำ และพร้อมที่จะเข้าปะทะทุกจังหวะ 

แบ็กซ้าย :  อเลฆานโดร บัลเด้ (บาร์เซโลน่า)

บัลเด้ เป็นหนึ่งในสตาร์ดาวโรจน์ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในอนาคตของ บาร์เซโลน่า นักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในช่วงที่ฝึกปรือฝีเท้าในศูนย์ฝึกเยาวชนก่อนจะขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ โดยเขาถูกเลือกติดทีมยอดเยี่ยมแห่งซีซั่นของ ลา ลีกา เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังนักเตะวัย 20 ปีระเบิดฟอร์มทำ 6 แอสซิสต์ในลีกแดนกระทิงดุ 

กองกลาง : แฟรงกี้ เด ยอง (บาร์เซโลน่า)

แม้ว่าจะตกเป็นเป้าเสริมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ แต่สุดท้าย แฟรงกี้ เด ยอง ยังคงอยู่กับ บาร์ซ่า และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเหมาะเจาะลงตัวกับสโมสรในยุคชาบี เอร์นานเดซ กุมบังเหียนมากแค่ไหน ผลงานของเขาพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเป็นคีย์แมนแดนกลางของ “เจ้าบุญทุ่ม” 

กองกลาง : เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ (เรอัล มาดริด)

สตาร์ทีมชาติอุรุกวัย ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของยุโรปหลังได้รับการฝึกปรือฝีเท้าจากกุนซือคาร์โล อันเชลอตติ โดยนักเตะแสดงศักยภาพได้อย่างโดดเด่นด้วยการซัดไป 12 ประตูในทุกรายการเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา สำหรับ วัลเวร์เด้ มีส่วนสำคัญในการคุมแดนกลางให้กับ “ราชันชุดขาว” และเป็นผู้เล่นที่ทีมขาดไม่ได้เลยจริงๆ 

กองกลาง : จู๊ด เบลลิงแฮม (เรอัล มาดริด)

 “หนุ่มจู๊ด” เตรียมจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติศึก “เอล กลาซิโก้” ครั้งแรก โดยนักเตะถือว่าทำผลงานได้อย่างโดดเด่นนับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด โดยเขาตะบันไป 11 ประตูจาก 12 เกมในทุกรายการให้กับสโมสรนับตั้งแต่ที่ย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่สำคัญ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ยกระดับศักยภาพของตัวเองแบบเขย่งก้าวกระโดดเมื่อมาเล่นในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว งานนี้หลายคนยังเชื่อว่า เบลลิงแฮม อาจจะเป็นผู้เล่นที่ชี้เป็นชี้ตายแมตช์นี้เลยทีเดียว 

กองหน้า : ชูเอา เฟลิกซ์ (บาร์เซโลน่า)

สตาร์ชาวโปรตุกีส ระเบิดฟอร์มสุดยอดในช่วงต้นซีซั่นให้กับ บาร์เซโลน่า นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นแบบยืมตัวจาก แอตเลติโก มาดริด ผลงานของ เฟเล็กซ์ โดดเด่นเหลือเกินเมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำประตู 6 ครั้งจากการเล่น 9 แมตช์ในทุกรายการ  ด้วยทักษะชั้นยอดทำให้เขาเล่นได้เข้ากับระบบของสโมสรได้อย่างลงตัว และแน่นอนว่านั่นคือเหตุผลที่ทำให้นักเตะร่ายมนต์เพลงแข้งได้อย่างยอดเยี่ยมกับสโมสร 

 กองหน้า : วินิซิอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด)

ดาวเตะทีมชาติบราซิล พัฒนาศักยภาพได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาหลังโชว์ฟอร์มกับตำแหน่งแนวรุกริมเส้นได้อย่างสุดยอด โดยตลอด 2 ซีซั่นที่ผ่านมานักเตะผลิตผลงานทั้งยิงและแอสซิสต์รวมแล้ว 86 ประตูในทุกรายการ ทำให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ลา ลีกา และ โกปา เดล เรย์ ปัจจุบัน วินิซิอุส ได้รับการเชิดชูให้เป็นแนวรุกเจเนอเรชั่นใหม่ร่วมกับ เออร์ลิง ฮาลันด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ เบลลิงแฮม ซึ่งนักเตะเหล่านี้ว่ากันว่าจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่หลังหมดยุค ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 

กองหน้า : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาร์เซโลน่า)

ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เลวานดอฟสกี้ เป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก แม้ว่านักเตะจะอายุ 35 ปีแล้วก็ตาม แต่ผลงานของเขากับสโมสรยังคงสุดยอด โดยสตาร์ชาวโปแลนด์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการนำ บาร์ซ่า ผงาดคว้าแชมป์ ลา ลีกา เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา นักเตะมีสถิติซัดไป 39 ประตูจาก 56 แมตช์นับตั้งแต่ย้ายมาจาก บาเยิร์น มิวนิค พร้อมทั้งคว้ารางวัลดาวซัลโวลีกแดนกระทิงดุ (23 ประตู) เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หลังครองตำแหน่งรองเท้าทองคำในบุนเดสลีกา 7 สมัยตอนที่เล่นกับ “เสือใต้” และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ลุงต้อม



Source link

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *