เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ข่ม ราสมุส ฮอยลุนด์ สบาย! 5 ประเด็น แมนยู โดน แมนซิตี้ บุกขยี้
1. แม็กไกวร์-อีแวนส์ คู่เซ็นเตอร์ผีแดง
แมนฯ ยูไนเต็ด วางเกมรับนัดนี้ด้วยการใช้งาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ จอนนี่ อีแวนส์ สวมบทคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ พร้อมทั้งเลือกใช้งาน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ รับบทแบ็คซ้ายโดยที่ เซร์คิโอ เรกีลอน หล่นไปนั่งข้างสนามร่วมกับ ราฟาแอล วาราน
นอกจากนี้ อันโตนี่ ซึ่่งฟอร์มยังย่ำแย่ก็ถูกดร็อปไปเป็นตัวสำรองโดยมี คริสเตียน เอริคเซ่น ออกสตาร์ตแทน ขณะที่ กาเซมีโร่ ที่เจ็บข้อเท้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเกมนี้
รวมแล้ว ผีแดง ปรับโผสามรายจากเกมเฝ้าบ้านเฉือนชนะ โคเปนเฮเก้น หวุดหวิด 1-0 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
2. เรือใบสลับโผครึ่งโหล
แมนฯ ซิตี้ ปรับทีมตัวจริงรวมหกตำแหน่งจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดบุกไปสยบ ยัง บอยส์ 3-1 เมื่อวันพุธ
สำหรับพ่อค้าแข้งหกรายที่ได้กลับมาออกสตาร์ตให้ เรือใบสีฟ้า ประกอบไปด้วย ไคล์ วอล์คเกอร์ ,ยอสโก้ กวาร์ดิโอล , จอห์น สโตนส์ , แบร์นาร์โด้ ซิลวา , ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ และ ฟิล โฟเด้น
ด้าน มานูเอล อาคันจี พลาดเกมนี้เนื่องจากติดโทษแบนหลังได้ใบแดงแมตช์เฝ้าบ้านสยบ ไบรท์ตัน2-1
3. ฮอยลุนด์ ต้นเหตุแห่งหายนะ
เป็นภาพชินตาไปแล้วที่ แมนฯ ซิตี้ บุกมาข่ม แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อีกตามเคยตลอดการฟาดแข้งใน 45 นาทีแรก
แต่อาจเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อยสำหรับแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทีมรักต้องตกเป็นรองก่อน 1-0 จากจังหวะที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ มือไวใจเร็วไปคว้า โรดรี้ ล้มในเขตโทษจนทีมเจ้าบ้านต้องเสียลูกโทษอย่างช่วยไม่ได้
แม้เกมบู๊กับ โคเปนเฮเก้น อ็องเดร โอนาน่า จะเซฟลูกโทษพาทีมคว้าสามแต้มได้อย่างเฉียดฉิวก่อนจบเกมอึดใจเดียว แต่ไม่อาจตำหนินายทวารทีมชาติ แคเมอรูน ได้เลยที่ป้องกันการสังหารจาก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ไม่สำเร็จ
สำหร้บ ฮอยลุนด์ นอกจากจะยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก ไม่ได้แล้ว ดาวยิงทีมชาติ เดนมาร์ค ยังมาทำเสียลูกโทษในเกมที่มีความหมายอีกด้วย
ต่างกับ โอนาน่า ที่เหมือนเจ้าตัวจะมีความมั่นใจมากขึ้นตามลำดับนับตั้งแต่เป็นฮีโร่ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก เนื่องจากเขาปัดลูกโขกเหน่งๆในช่วงทดเวลาจากดาวยิงทีมชาติ นอรเวย์ ได้อย่างไม่น่าเชื่อจนทำให้ เรือใบสีฟ้า พลาดนำหน้าเป็นสองประตูอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้
อย่างไรก็ดี แม้เกมจะเป็นรอง แต่ท้ายครึ่งแรก ผีแดง มีโอกาสจู่โจมไปสร้างปัญหาให้อริร่วมเมืองได้เช่นกันโดยเฉพาะ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่้ช่วงนี้ยิงประตูเป็นว่าเล่น แต่กองกลางทีมชาติ สกอตแลนด์ กระทุ้งจากเส้น 18 หลาไปโดน เอแดร์ซอน ปัดทิ้งอย่างได้สำเร็จ
จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ บุกมาครองบอลได้มากกว่าบานเบอะ 61:39% และได้ยิงมากกว่า 7:4 ครั้ง รวมทั้งส่งบอลเข้ากรอบมากกว่าเจ้าบ้าน 4:2 ครั้ง
4. ครึ่งหลังผีโงหัวไม่ขึ้น
กลับเข้าครึ่งหลัง เอริค เทน ฮาก ตัดสินใจแก้เกมด้วยการเปลี่ยน เมสัน เมาท์ ลงไปแทน โซฟียาน อัมราบัต ที่ยังสร้างผลงานได้ไม่ดีพอ แถมมีใบเหลืองติดตัวอย่างน่าเขกกระโหลก หากแต่อดีตสตาร์ทีม เชลซี ก็ไม่ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีเกมที่ดีขึ้นแต่อย่างใด
ซ้ำร้าย แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายบุกใส่เจ้าถิ่นได้อย่างไหลรื่นมากกว่าครึ่งแรกด้วยซ้ำ และมาเบิกสกอร์เพิ่มอีกจนได้จากลูกโขกของ ฮาลันด์ ซึ่งจะว่าไปแล้วเกมนี้ศูนย์หน้าทีมชาติ นอรเวย์ น่าจะทำแฮททริคได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี ฮาลันด์ จัดการแอสซิสต์ให้ ฟิล โฟเด้น ซัดลูกปิดเกมพาทีมบุกมาเฮฮาที่ โรงละครแห่งความฝัน 3-0 ในช่วงสิบนาทีสุดท้ายซึ่งทำให้กองเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่วนหนึ่งลุกออกจากสนามทันทีแม้เกมจะยังไม่ยุติ
ครบ 90 นาที แมนฯ ซิตี้ ยังเหนือกว่าทุกด้านจากตัวเลขการครองบอล 61:39% เช่นเดิม แต่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ส่องยิงมากขึ้นเป็น 21 ครั้ง และเข้ากรอบ 10 ครั้ง ขณะที่ ผีแดง ได้ยิงรวมกันทั้งเกม 7 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้ง
5. สังเวียนโปรดของเป๊ป
หลังจบศึกผ่าเมืองนัดล่าสุด แมนฯ ยูไนเต็ด เสียท่าคารังให้กับ แมนฯ ซิตี้ ในเกม พรีเมียร์ลีก อย่างต่ำสามประตูเป็นครั้งที่สามแล้ว (6-1 ปี 2011, 3-0 ปี 2014 และ 3-0 ปี 2023) ซึ่งนับเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดในการบู๊กับทีมคู่แข่งสองรายเช่นเดียวกับที่พวกเขาถูก ลิเวอร์พูล ปู้ยี่ปู้ยำแบบเดียวกันนี้่
ด้าน กวาร์ดิโอล่า พาทีม แมนฯ ซิตี้ บุกมาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เป็นครั้งที่เจ็ดแม้จะเป็นครั้งแรกที่กุนซือสแปนิชพาทีมคว้าชัยชนะได้อย่างต่ำสามประตูก็ตาม ขณะที่ อาร์เซน่อล เป็นทีมเดียวนอกเหนือไปจาก ผีแดง ที่ กวาร์ดิโอล่า บุกไปเก็บสามแต้มได้มากที่สุดรวมแปดครั้ง
ถึงขณะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เกมลีกเป็นนัดที่ห้าแล้วจากสิบนัดแรกนับตั้งแต่เริ่มซีซั่นซึ่งเป็นผลงานที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ซีซั่น 1986/87