ตัดเกรดนักเตะ เชลซี นัดกู้วิกฤต สยบ แบล็คเบิร์น 2-0 ทะลุเข้ารอบ 8 ทีม คาราบาว คัพ : Player Ratings
รายการ: ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 4
วันแข่งขัน: วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน 2566
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 2-0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ยิ่งกว่าเป้าหมายจะไปให้ถึงแชมป์ คือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จำเป็น “ต้องเอา” เกมนี้ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธาต่อแฟนบอลที่เริ่มออกอาการมากขึ้นแล้วจากผลแพ้ เบรนท์ฟอร์ด คาบ้านเมื่อวันเสาร์ แต่ก็ถือว่าทำสำเร็จ กำชัยเหนือทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ อย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส สวยๆ 2-0 จากประตูของ เบอนัวต์ บาเดียชิล และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จนผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย คาราบาว คัพ ได้ต่อไป
โรเบิร์ต ซานเชซ – 7
แกว่งจัดๆ ใน 2 เกมหลังที่เสีย 4 ประตู แต่ก็ยังได้ลงตัวจริงแบบไม่พัก ซึ่งที่จริงเกมนี้มีงานให้ทำน้อยนิด แต่ก็มีเซฟให้เห็นตอนท้ายเกม
มาร์ก กูกูเรย่า – 7
ได้ลงอย่างต่อเนื่องเมื่อ เบน ชิลเวลล์ ยังบาดเจ็บ และ ยาน มาตเซ่น ไม่ได้รับโอกาส ซึ่งเกมนี้ปักหลักช่วยงานเกมรับเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้มีโอกาสเติมเกมขึ้นมากนัก
เบอนัวต์ บาเดียชิล – 8
ออกสตาร์ทตัวจริงเป็นเกมแรกสุดเลยของซีซั่นนี้ ซึ่งเซนเตอร์แบ็กฝรั่งเศสวัย 22 ก็ทำได้เยี่ยม มีตัดจังหวะสำคัญให้เห็น ก่อนจะเป็นคนเปิดสกอร์นำ 1-0 โดยยิงด้วยซ้ายเก็บตกลูกเตะมุม
อักเซล ดิซาซี่ – 7
โยกจากแบ็กขวาเข้ามายืนตรงกลางหลังจาก รีซ เจมส์ ฟิตคืนทีม และเป็นเกมที่ไม่ต้องทำอะไรมากมาย เมื่อเกมรุกของ แบล็คเบิร์น อันตรายน้อยกว่าระดับ พรีเมียร์ลีก ชัดเจน
รีซ เจมส์ – 7
ฟื้นฟิตกลับมาสวมปลอกแขนกัปตันทีมและประจำการแบ็กขวา ซึ่งก็เติมเกมรุกอย่างสนุกเลย ยี่สิบกว่านาทีแรกได้ยิงเองแล้ว 2 หน จากนั้นเงียบๆ ไปบ้าง แต่ก็มีส่วนไม่น้อยกับคลีนชีต
เลสลี่ย์ อูโกชุควู – 6
ได้สลับมาลงตัวจริงบ้างเพื่อพัก มอยเซส ไคเซโด้ ให้นั่งสำรองไปบ้าง และมิดฟิลด์ฝรั่งเศสก็เล่นได้ไม่แย่ แม้บทบาทกับเกมมีไม่มากแต่ก็มีประโยชน์กับแดนกลาง เชลซี
เอ็นโซ เฟร์นานเดซ – 7
หายเจ็บกลับคืนตัวจริง แต่ต้องถอยลงมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับคู่กับ เลสลี่ย์ อูโกชุควู ทว่าก็มีโอกาสดันเกมขึ้นสูง ไปยิงติดเซฟบ้างตอนนาที 25 เท่ากับจุดด้อยเรื่องการจบสกอร์ต้องพัฒนาต่อ ส่วนอื่นๆ ถือว่าโอเคแล้ว
คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ – 7
ได้ลงต่อเนื่องไม่มีพัก แต่พิเศษขึ้นหน่อยว่านัดนี้ถูกขยับขึ้นสูงเป็นหนึ่งในแผงรุก และก็เป็นคนเปิดบอลยัดไปติดมือนายประตู ย้อนมาให้ เบอนัวต์ บาเดียชิล ยิงนำ 1-0
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง – 8
ด้วยชื่อชั้นควรจะเล่นงานแนวรับ แบล็คเบิร์น ได้ไม่ยากอยู่แล้ว ซึ่งก็มีจังหวะที่ทำได้วูบวาบ เกือบเรียกจุดโทษได้ตั้งแต่สิบนาทีแรก แต่ผู้ตัดสินปล่อยผ่าน ก่อนที่ครึ่งหลังจะกดสูตรติด ปั่นโค้งเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม
โคล พาล์มเมอร์ – 8
เทคนิคและทักษะหายห่วง สร้างปัญหาให้แนวรับทีมเยือนตลอดเมื่อได้บอล รวมถึงเป็นคนแอสซิสต์ลูก 2-0 น่าเสียดายนิดก็แค่จังหวะจบด้วยตัวเองวันนี้เอาชนะนายทวารคู่แข่งไม่ได้
นิโคลัส แจ๊คสัน – 4
ได้เล่นต่อเนื่องเมื่อ อาร์มันโด้ โบรย่า บอบบางเป็นแก้ว เจ็บไปเสียอีกแล้ว และก็มีโอกาสตวัดยิงตั้งแต่ 10 วินาทีแรก ที่ไปติดกองหลังเป็นเตะมุม ทว่าหลังจากนั้นถือว่าสิ้นหวัง เลี้ยงผ่านกองหลังทีมเยือนสักครั้งแทบไม่มี และเมื่อมีโอกาสยิงเหน่งๆ (น.67) ก็งัดข้ามคานไป
สำรอง
มาโล กุสโต้ (แทน รีซ เจมส์ น.61) – 6
เล่นด้วยมาตรฐานที่ดี ไม่ทำให้ทีมต้องเพลี่ยงพล้ำหรือเกิดปัญหาใดในครึ่งชั่วโมงท้าย
ลีวาย โคลวิลล์ (แทน เบอนัวต์ บาเดียชิล น.61) – 6
เจองานเบาๆ สบายๆ ไม่กดดันเหมือนเกม พรีเมียร์ลีก ที่จริงน่าได้พักไปเลยมากกว่าด้วยซ้ำ
มอยเซส ไคเซโด้ (แทน นิโคลัส แจ๊คสัน น.76) – 6
จะไม่ถูกส่งลงให้เหนื่อยเปล่าถ้า เชลซี ยังมีกองหน้าสำรองให้เลือกใช้ แต่ก็ถือว่าลงไปอุดเกมรับตรึงสกอร์
อเล็กซ์ มาตอส (แทน เอ็นโซ เฟร์นานเดซ น.87) N/A
แค่ได้ลงสนามไปสัมผัสเกมชุดใหญ่ และก็ได้สัมผัสบอลนับครั้งได้
โนนี่ มาดูเอเก้ (แทน โคล พาล์มเมอร์ น.87) N/A
เช่นเดียวกับ อเล็กซ์ มาตอส ที่ไม่มีเวลาให้ได้ทำอะไร เกมก็จบแล้ว