สินทรัพย์ดิจิทัล: เกิดอะไรขึ้นกับโลกแห่ง NFTs มีโอกาสหรือไม่ที่ตลาดจะกลับมาบูมอีกครั้ง – BBC News ไทย

0


ที่มาของภาพ, 20th Century Animation

คำบรรยายภาพ,

ในตอนล่าสุดของซีรีส์ เดอะ ซิมป์สัน (The Simpsons) โฮเมอร์ ได้หันมาให้ความสนใจต่อ NFT โดยหวังว่าจะช่วยให้เขารวยทางลัดได้

เมื่อ โฮเมอร์ ซิมป์สัน (Homer Simpson) ตัวละครเด่นในการ์ตูนซิตคอมยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา มาพร้อมกับแผนการรวยทางลัด ก็มักจะลงเอยด้วยจุดจบที่ไม่สวยนัก

อย่างในตอนล่าสุดของซีรีส์ “เดอะ ซิมป์สัน” ซิมป์สันได้ชวน บาร์ท ลูกชายของเขามาร่วมลงทุนใน NFTs (Non Fungible Tokens) เพื่อสร้างเงินล้าน

แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขารู้จากเจ้าแมวพิซซาบินได้ว่า “กระแสความนิยมของ NFT ได้หมดลงไปแล้ว”

ซีรีส์ตอนนี้ได้รับการชื่นชมจากบรรดาผู้ที่ชื่นชอบและผู้สงสัยเกี่ยวกับการลงทุนผ่าน NFT กับฉากการล้อเลียนโลกอีกด้านหนึ่งของการลงทุนในโลกคริปโต ที่ได้รับความนิยมเป็นพลุระเบิดเมื่อสองสามปีที่แล้ว แต่ตอนนี้กลับเงียบสนิท

เจ้าแมวพิซซาพูดถูกแล้วและ NFTs ถึงจุดจบแล้วหรือ?

จากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านในเรื่องนี้พบว่า ตลาด NFT อยู่ในภาวะถดถอยและแตะจุดต่ำสุดเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา หรือที่เรียกกันว่า “ฟล็อปโทเบอร์” (Floptober) ซึ่งเลียนเสียงมาจากคำว่า ”October“

อย่างไรก็ตาม มีบางคนที่ยังมีความหวังในเรื่องนี้อยู่

NFTs ถือว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่โดยทั่วไปแล้วซื้อได้ด้วยคริปโตเคอร์เรนซี NFTs มักเชื่อมโยงกับภาพหรือคลิปวิดีโอ แต่การครอบครอง NFT ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ซื้อเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของภาพนั้น ทุกคนยังสามารถชมภาพนั้นได้ทางออนไลน์ กระทั่งการคัดลอกหรือดาวน์โหลดภาพนั้นมาเก็บไว้ก็ยังทำได้ แต่มีเพียงผู้ซื้อ NFT นั้น ๆ ไปเท่านั้นที่มีสถานะเป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการ โดยความเป็นเจ้าของ NFT นี้จะถูกพิสูจน์ได้ด้วยบันทึกที่แก้ไขไม่ได้ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

บริษัทวิจัย แดปป์ เรดาร์ (Dapp Radar) ระบุว่า มูลค่าธุรกรรมของ NFT ลดลงอย่างมาก กล่าวคือ มูลค่าการซื้อขายในอุตสาหกรรมทั้งหมดหล่นฮวบ 89% นับตั้งแต่ต้นปี 2022 โดยในไตรมาสแรกของปี 2022 มูลค่าการซื้อขายมีถึง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.56 แสนล้านบาท แต่ในไตรมาสที่สามของปีนี้ มูลค่าการซื้อขายเหลือแค่ 1.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ,

จิมมี เฟลลอน และ ปารีส ฮิลตัน แสดงคอลเลคชั่น NTF ลิงขี้เบื่อ ของพวกเขาเมื่อเดือน ม.ค. 2022

ด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ NFTs ก็กำลังอยู่ในช่วงขาลงด้วย โดยเดือนที่แล้ว บริษัท ยูกา แลบส์ (Yuga Labs) ผู้ผลิตคอลเลคชั่น NFTs ลิงขี้เบื่อ (Bored Ape Yacht Club) อันโด่งดังได้ประกาศลดพนักงานโดยไม่ระบุจำนวน

ครั้งหนึ่ง บริษัทแห่งนี้สามารถขาย NFTs ได้มูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเหล่าผู้ซื้อที่มีชื่อเสียงมาช่วยโปรโมท อย่างพิธีกรรายการทอล์กโชว์ จิมมี เฟลลอน และคนดังอย่าง ปารีส ฮิลตัน

ย้อนไปในช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ. 2022 ปารีส ฮิลตัน ทวีตข้อความเพื่อโปรโมทคอลเลคชั่น NFTs ของเธอเกือบทุกวันในบัญชีเอ็กซ์ (ในอดีตคือทวิตเตอร์) ทว่านับแต่เดือน ต.ค. 2022 เป็นต้นมา เธอก็ไม่ได้โพสต์ข้อความใด ๆ เกี่ยวกับ NFTs อีกเลย

เว็บไซต์ NFT Price Floor ระบุว่า ราคาพื้น หรือราคาของ NFTs ชิ้นที่ถูกที่สุดในคอลเลคชั่นลิงขี้เบื่อ แตะจุดสูงสุดในช่วงต้นเดือน พ.ค. 2002 คิดเป็นมูลค่าราว 268,000 ดอลลาร์สหรัฐ (114 เหรียญอีเธอเรียม) หรือราว 9.68 ล้านบาท แต่มาถึงตอนนี้มูลค่าเหลือแค่ 56,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2 ล้านบาท

จากสถานการณ์ดิ่งเหวของมูลค่า NFTs ลิงขี้เบื่อ ทำให้นักสะสมและศิลปินอย่าง เทย์เลอร์ วิธเลย์ ในสหรัฐฯ จำต้องเทขาย NFTs ในคอลเลคชั่นนี้ของเขาออกมา 6 จาก 7 ชิ้น เพราะราคามีแต่จะเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ

“จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ต้องการขาย แต่สถานการณ์ตลาดแย่มาก การขายออกไปคือสิ่งที่ฉลาดที่สุดที่สามารถทำได้ในตอนนี้ ก่อนที่สถานการณ์จะดิ่งเหวลงไปกว่านี้” เขาบอกกับบีบีซี

ที่มาของภาพ, Alamy

คำบรรยายภาพ,

คอลเลคชั่น NFT ลิงขี้เบื่อ (Bored Ape Yacht Club) มีมูลค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เดือนที่แล้ว เทย์เลอร์ ขาย NFTs ลิงขี้เบื่อมูลค่าสูงที่สุดที่เขามีที่ 212,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากก่อนหน้านี้เคยปฏิเสธข้อเสนอซื้อที่ราคาสูงกว่านี้มาก่อน ที่จริงเขาอาจสามารถทำเงินจากการขายได้มากขึ้นอย่างน้อย 10 เท่าหากตัดสินใจขายไปตั้งแต่ช่วงจุดสูงสุด มันทำให้เขาเจ็บใจ แต่ในฐานะนักลงทุนที่เข้าตลาดมาในช่วงแรก ๆ เขาก็ยังสามารถทำกำไรได้อย่างงาม โดยการขายครั้งล่าสุดสามารถทำกำไรได้ถึง 1,000 เท่าจากเงินทุนประเดิมมูลค่า 200 ดอลลาร์สหรัฐ (7,200 บาท)

ไม่ใช่แต่เพียงศิลปินผู้สร้างสรรค์ NFTs ลิงขี้เบื่อเท่านั้น แต่ยังมีศิลปินและแบรนด์เล็ก ๆ อีกเป็นจำนวนมหาศาลที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ หนึ่งในจำนวนนั้นคือ แองจี เทย์เลอร์ ที่เคยขายงานศิลปะ NFTs ได้มูลค่ากว่า 8,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อชิ้น แต่มาถึงตอนนี้เธอขายได้เพียง 600 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น นั่นจึงทำให้เธอต้องตัดสินใจกลับมาทำงานเดิม นั่นคือการเป็นติวเตอร์แบบพาร์ทไทม์

ที่มาของภาพ, Angie Taylor

คำบรรยายภาพ,

แองจี เทย์เลอร์ เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนศิลปินที่สร้างผลงานคริปโตอาร์ต โดยขายผลงานผ่านแกเลอรีในระบบดิจิทัล

“ฉันยังขายผลงานศิลปะ NFT อยู่บ้าง แต่ก็มีงานอื่นต้องทำไปด้วย เพราะการขายเพียง NFTs ไม่พอเลี้ยงชีพ ถ้าไม่ทำอย่างอื่น” เธอเล่าและบอกว่า อย่างไรเสียเธอก็คิดเสมอว่า ฟองสบู่ใน NFTs จะต้องระเบิดสักวัน

“ฉันเป็นคนหนึ่งที่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น เพราะรู้ว่าธุรกิจนี้น่าจะเป็นแบบมาไวไปไว” เธออธิบาย

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ตลาด NFTs เป็นตลาดของผู้ซื้อ และยังมีผู้ซื้อหลายคนที่ดูเหมือนมีความสุขที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากสภาวะถดถอยครั้งนี้

อดัม หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า ลิตเติล ฟิช (แปลเป็นไทยว่า ปลาน้อย) ซึ่งเป็นนักลงทุนสินทรัพย์คริปโตเต็มเวลาจากยุโรป ได้ซื้องานศิลปะ NFTs ที่ชื่อ CryptoPunk #3609 ด้วยมูลค่า 663,000 ดอลลาร์สหรัฐ เขายอมรับว่านี่เป็นเงินจำนวนไม่น้อย แต่ก็คิดว่าเขาซื้อมันมาได้ในราคาสุดคุ้ม

อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ผู้ขาย NFTs ชิ้นนี้ปฏิเสธการขาย CryptoPunk #3609 ที่ราคา 1.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาก่อน ก่อนที่จะมาขายให้อดัมในราคาที่ลดลงกว่าครึ่งในปีนี้

ที่มาของภาพ, Yuga Labs

คำบรรยายภาพ,

อดัมโพสต์ข้อความในระบบออนไลน์ว่า เขาเชื่อว่า การลงทุนของเขาหวังผลในระยะยาว

“ภาวะถดถอยในอุตสาหกรรม คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้องานศิลปะ NFTs ผู้คนกำลังสิ้นหวัง ในฤดูหนาวคุณสามารถหาซื้อเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อนได้ในราคาถูก” เขาเปรียบเปรยให้ฟังและเชื่อว่า ฤดูร้อนจะกลับมาอีกครั้งสำหรับวงการ NFTs และเขาจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อมันมาถึง

การเปรียบเปรยกับฤดูกาลเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี

สกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์และอีเธอเรียมยังคงไม่ฟื้นตัวจากราคาที่ร่วงลงหลายครั้งในปี 2022 ซึ่งทำให้มูลค่าเหรียญดิ่งลงและยังคงติดแหง็กอยู่เช่นนั้น สถานการณ์เช่นนี้ถูกเรียกว่า “ฤดูหนาวแห่งคริปโต”

ก่อนหน้านี้ดูคล้ายว่าจะมีสัญญาณบวก เมื่อเหรียญบิตคอยน์แข็งค่าขึ้นเป็น 34,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ แต่การเติบโตกลับหยุดชะงักลง และไม่ได้ใกล้เคียงกับการกลับไปที่ระดับ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญที่เคยไปถึงในช่วงปลายปี 2022

แม้ว่า NFTs จะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอีกตัวซึ่งแตกต่าง แต่ในความเป็นจริงก็ถูกพัฒนาขึ้นโดยเทคโนโลยีบล็อกเชนเหมือนคริปโตเคอร์เรนซี นอกจากนี้ ความมั่งคั่งของบรรดาผู้ซื้อ NFTs รายใหญ่จำนวนมากยังผูกอยู่กับมูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีด้วย เมื่อคริปโตเคอร์เรนซีมีมูลค่ามาก พวกเขาก็มีมีเงินมากขึ้นเพื่อเอาไว้ซื้อ NFTs

นักลงทุน NFT รายใหญ่ที่สุดอย่าง วิฆเนศ สุนทเรเสน (Vignesh Sundaresan) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เมตาโควัน” (MetaKovan) ได้สร้างสถิติด้วยการซื้อผลงาน NFT เป็นมูลค่ากว่า 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากศิลปินชาวอเมริกัน บีเพิล (Beeple) ซึ่งการซื้อครั้งนั้นได้กลายเป็นตัวเร่งครั้งใหญ่ที่ทำให้ตลาด NFTs ทะยานขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. 2021

“หนทางยังอีกไกลก่อนที่เราจะสามารถมองย้อนกลับไปและรู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจซื้อที่ดีหรือไม่… นั่นเป็นเงินก้อนใหญ่จริง ๆ แต่ก็ไม่ถือว่ามีนัยสำคัญเทียบกับความมั่งคั่งทั้งหมดของผม” สุนทเรเสนกล่าว

เขาเชื่อว่า NFTs ยังคงมีอนาคตที่สดใสเช่นเดียวกับการสะสมงานศิลปะ แต่ก็บอกด้วยว่าวันเวลาที่ตลาดบูมได้ผ่านพ้นไปแล้ว

“ทุกอย่างในวงการคริปโตเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และผมคิดว่า ระยะถัดไปของ NFTs จะไม่เป็นเรื่องของราคา คนที่คิดจะมาเก็งกำไรจะต้องรับความเสี่ยงอย่างสูง เพราะมันไม่ใช่ว่าอุปทานมีอยู่อย่างจำกัด” เขาอธิบายและยังวิพากษ์วิจารณ์อุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากกระแสการเก็งกำไรของผู้คนและทำให้หลายคนต้องสิ้นเนื้อประดาตัว

“ผมยังไม่เห็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ NFTs ที่มีความยั่งยืน” เขากล่าว

ที่มาของภาพ, Wallmart

คำบรรยายภาพ,

ตุ๊กตาเพนกวิน Pudgy Penguin ที่เห็นแล้วน่ารักน่ากอด เปิดจำหน่ายในร้านขายของเล่นทั้งในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ยังพอมีธุรกิจเกี่ยวกับ NFTs ที่ดูเหมือนจะมีความยั่งยืนทางธุรกิจอยู่บ้าง นั่นคือ Pudgy Penguins ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ไม่นานมานี้เริ่มขายตุ๊กตาโดยอิงจากตัวละครที่เป็น NFT ด้วย โดยผู้ที่เป็นเจ้าของ NFT ของเจ้า Pudgy Penguins จะได้ค่าส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ทุกครั้งที่ตุ๊กตาขายได้

ข้อมูลจากเว็บไซต์ NFT Floor Price ระบุว่า จากรูปแบบธุรกิจดังกล่าวทำให้ Pudgy Penguins ยังคงรักษาราคาพื้นของ NFT ได้ใกล้เคียงกับช่วงที่เคยแตะจุดสูงสุดในเดือน ม.ค. 2023

นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ผู้ซื้อได้รับข้อเสนอเพิ่มเติมเพื่อจูงใจให้ซื้อ NFT ด้วย เช่น ระบบสมาชิกที่ทำให้ได้เข้าร่วมงานอีเวนท์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ผลงาน NFT ที่จับต้องได้ รวมถึงได้ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์จากศิลปิน

ผู้ประกอบการ NFT สัญชาติอังกฤษที่ชื่อ แพรงซี (Pranksy) มองว่า การทดลองสิ่งใหม่ ๆ คือ กุญแจสำคัญที่จะทำให้ตลาดฟื้นตัว

“ผมคาดว่า ผู้ประกอบการและแบรนด์ที่มีหัวคิดด้านนวัตกรรมเพียงไม่กี่คน ก็สามารถเป็นหัวหอกสำคัญ และทำให้ตลาด NFT กระแสหลักปรับตัวได้” เขาบอก

เขาประเมินว่า ตลาดจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง แต่ก็ยอมรับว่าอาจจะไม่ได้ถึงจุดที่มีความโกลาหลอย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้

รายงานเพิ่มเติมโดย ลิฟ แมคมาฮอน



Source link

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *