การโยกซบ อินเตอร์ ไมอามี่ ของ ลิโอเนล เมสซี่ สร้างอิมแพ็กต์ใดต่อฟุตบอลอเมริกาบ้าง
ในตลาดซื้อขายนักเตะรอบซัมเมอร์ 2022/23 นี้ เต็มไปด้วยดีลสะเทือนวงการลูกหนังหลายดีล หนึ่งในนั้นคือการเดินทางครั้งใหม่ในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้งของ ลิโอเนล เมสซี่ โดยมีการยืนยันไปแล้วว่าเขาเลือกไปผจญภัยครั้งใหม่กับ อินเตอร์ ไมอามี่ ในเมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา
ทำไมดาวเตะซูเปอร์สตาร์อาร์เจนไตน์ถึงเลือกไปค้าแข้งบนแผ่นดินลุงแซม แทนที่จะอยู่ค้าแข้งบนแผ่นดินยุโรปต่อ หรือแม้แต่การโยกไปโกยเงินที่ซาอุดีอาระเบียตามข่าว
ในทางกลับกัน เมสซี่สร้างผลกระทบ (Impact) อะไรต่อเมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ รวมไปถึงวงการลูกหนังในภาพรวมของแดนพญาอินทรีบ้าง
มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้ที่ Main Stand
ไม่ต่อสัญญาปารีส
ลิโอเนล เมสซี่ ย้ายมาร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ในซัมเมอร์ 2021 ด้วยค่าเหนื่อยตกปีละ 40.5 ล้านยูโร พร้อมสัญญา 2 ปี แถมออปชั่นขยายเพิ่มหากทั้งสองฝ่ายเจรจากันจนเป็นที่พอใจ
แต่กระนั้นตลอดช่วงเวลาสองฤดูกาลที่เขาลงเล่นให้กับสโมสรกลับไม่ได้มีภาพของความสำเร็จเหมือนดั่งสมัยค้าแข้งจนเป็นตำนานที่บาร์เซโลน่า โดยส่วนใหญ่เมสซี่จะถูกวิจารณ์ฟอร์มการทำประตูและแอสซิสต์ที่ไม่ได้ช่วยทีมได้มากพอ
อย่างในฤดูกาล 2021/22 แม้จะช่วยทีมเป็นแชมป์ลีกเอิงหนึ่งสมัย แต่เมสซี่ทำสถิติยิง 11 ประตู กับอีก 15 แอสซิสต์เท่านั้น ขณะที่ฤดูกาลต่อมาแม้จะกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีขึ้นจากสถิติ 21 ประตู กับอีก 20 แอสซิสต์ และช่วยทีมเป็นแชมป์ลีกของประเทศอีกสมัย ทว่ากลับสอบตกในแง่ของการช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จในเป้าหมายใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
ซีซั่นแรกกับเปแอสเช เมสซี่ไม่อาจช่วยให้สโมสรผ่านเข้าสู่รอบลึกได้ หลังโดน เรอัล มาดริด เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย จากผลสกอร์รวมสองนัดแพ้ไป 2-3 ขณะที่ซีซั่นที่สองหรือซีซั่นสุดท้ายของเขาก็ยังวนลูปเดิมคือตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเช่นกัน โดยพ่ายต่อ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสกอร์รวม 0-3
เพราะการที่ดาวยิงอาร์เจนไตน์มีชื่อชั้นในแวดวงฟุตบอลเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก ดังนั้นการที่เขาพาทีมไปไม่ถึงภารกิจที่วาดไว้ก็ย่อมทำให้ถูกโจมตีอย่างหนัก การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นตามมาอย่างยากจะหลีกเลี่ยง และที่สำคัญข้อครหาทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากแฟนบอลของเปแอสเชเอง
ยังไม่นับประเด็นที่จู่ ๆ เขาก็เดินทางไปโปรโมตประเทศซาอุดีอาระเบีย ตามอภิมหาโปรเจ็กต์อย่าง “Vision 2023” โดยไม่ได้บอกกล่าวคนในสโมสร เป็นเหตุให้เขาโดนลงโทษงดจ่ายค่าจ้างเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พร้อมสั่งห้ามมีส่วนร่วมกับทีมในเกมลีก 2 นัด ทั้งหมดนี้ก็หลอมรวมให้ดาวเตะที่โลกลูกหนังสรรเสริญว่าเป็น “G.O.A.T.” แห่งวงการ อยู่ค้าแข้งในถิ่นปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ยากขึ้นไปอีก
ก่อนที่การใช้เงื่อนไขต่อสัญญาจะไม่เกิดขึ้น กลายเป็นว่าทันทีที่สิ้นสุดฤดูกาล 2022/23 นั่นคือวันสุดท้ายที่ ลิโอเนล เมสซี่ เป็นนักเตะของปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง
ทำไมต้องอินเตอร์ ไมอามี่
เมื่อตอนปลายปี 2022 ต่อเนื่องมายังปี 2023 เป็นช่วงเวลาที่ ลิโอเนล เมสซี่ ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตบนถนนลูกหนังของตัวเองใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่ามีถึง 4 ทางเลือก ตามข่าวน้อยใหญ่ที่ทยอยกันรายงาน รวมถึงบทวิเคราะห์จากผู้สันทัดกรณี
ทั้ง 4 ทางเลือกประกอบไปด้วย หนึ่ง การขยายสัญญาอยู่ลงเล่นกับปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ต่อไป สอง การย้ายกลับไปเล่นให้สโมสรที่ปลุกปั้นและทำให้เมสซี่เป็นเมสซี่ในทุกวันนี้อย่างบาร์เซโลน่า สาม การย้ายไปเล่นในทวีปเอเชียกับอัล ฮิลาล ในลีกอาชีพของซาอุดีอาระเบีย และตัวเลือกที่สี่ คือการย้ายไปค้าแข้งในลีกอาชีพที่สหรัฐอเมริกา กับทีมอินเตอร์ ไมอามี่
เมื่อลองพิจารณาแต่ละตัวเลือกของเมสซี่ ข้อหนึ่งคือการขยายสัญญากับต้นสังกัดล่าสุดอย่าง เปแอสเช จากเหตุผลว่ามีความสบายอกสบายใจในการสวมเสื้อแข่งเปแอสเชลงบู๊มันถูกลดทอนลงไปนานแล้ว เมสซี่มักเป็นเป้าโจมตีจากแฟน ๆ ในเกือบทุก ๆ ครั้งที่ทีมเผชิญเรื่องในแง่ลบ
รวมถึงการเจรจาระหว่างสโมสรและเอเยนต์อย่าง ฆอร์เก เมสซี่ ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ดันไม่ลงตัว โดยเฉพาะเรื่องของค่าเหนื่อย แม้ว่ายอดทีมแห่งมหานครปารีสจะไม่ได้ปิดกั้นให้เมสซี่อยู่ต่อ แต่เมื่อตกลงกันไม่ได้ กอปรกับผลกระทบจากแรงกดดันที่เผชิญเรื่อยมา ท้ายสุดการเดินทางร่วมกันก็ถูกหยุดลง
ขณะที่ข้อสองคือการกลับไปอยู่บาร์เซโลน่า นี่เป็นตัวเลือกที่เมสซี่เองก็เปิดใจรับอยู่เสมอ เพราะทัพอาซูลกราน่าคือทีมที่เขาผูกพันด้วยมากที่สุด
อย่างไรก็ดี ปัญหาใหญ่ ๆ ที่ทำให้การคัมแบ็กไม่เกิดขึ้น เพราะกฎเพดานเงินเดือนของลา ลีกา หากบาร์ซ่าจะเซ็นสัญญา ลิโอเนล เมสซี่ มาร่วมทีมอีกครั้ง สโมสรจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนักเตะของทีมต้องโดนลดค่าเหนื่อย หรือไม่ก็ถูกบีบขายทิ้ง
อีกทั้งเมสซี่ก็ไม่อยากกลับไปเจอสถานการณ์เดิม ๆ เหมือนที่เขาเคยเจอในช่วงปีท้าย ๆ กับบาร์ซ่า นั่นคือเรื่องการเงินและความไม่แน่นอนของสโมสร รวมถึงฝ่ายจัดการแข่งขันลีก
“ผมอยากกลับไปนะ ผมจะรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้กลับไป แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมและทางออกที่ผมมี ผมไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดิมอีก (ถูกบีบให้ออกจากทีม) มันคือการนั่งรอดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นและปล่อยให้อนาคตของผมอยู่ในการควบคุมของคนอื่น ผมได้ยินว่าพวกเขาต้องขายผู้เล่นหรือลดค่าเหนื่อยของนักเตะในทีมลง (เพื่อดึงเมสซี่กลับมา) ซึ่งความจริงก็คือผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น” เมสซี่ กล่าวกับ Mundo Deportivo
“ก่อนที่ผมจากย้ายออกมา ลา ลีกา ก็เคยยอมรับการลงทะเบียนของผมไปแล้วด้วย แต่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นว่าไม่สามารถทำได้ ผมกลัวว่าสิ่งเดียวกันนั้นจะเกิดขึ้นอีก”
ในส่วนของข้อสามกับโอกาสไปโลดแล่นในลีกซาอุดีอาระเบีย มีกระแสอยู่เรื่อยมาว่า ลิโอเนล เมสซี่ อาจตอบรับการย้ายไปเล่นที่นั่น ส่วนหนึ่งเพื่อที่จะได้รันโปรเจ็กต์ “Vision 2030” ซึ่งเขาเป็นทูตการท่องเที่ยวไปด้วยอีกทาง
เมสซี่ตกเป็นข่าวหนักหน่วงว่า อัล ฮิลาล อีกหนึ่งทีมแกร่งของประเทศมีความตั้งใจจะดึงตัวไปเสริมทัพ พร้อมทุ่มค่าเหนื่อยตามข่าวสูงกว่า 400 ล้านยูโรต่อปี แต่ถึงอย่างไรการย้ายทีมดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น ซึ่ง “เงิน” คือปัจจัยหลักที่ซูเปอร์สตาร์แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 เลือกบอกปัด อัล ฮิลาล
“ถ้าเป็นคำถามเรื่องเงิน ผมก็คงไปเล่นในซาอุดีอาระเบียหรือที่อื่นไปแล้ว ความจริงคือการตัดสินใจของผมมาจากเหตุผลอื่นไม่ใช่เรื่องเงิน” เมสซี่ ให้สัมภาษณ์
ปิดท้ายที่ตัวเลือกข้อสี่ นั่นคือการย้ายมาเล่นกับ อินเตอร์ ไมอามี่ ที่สหรัฐอเมริกา ที่มีรายงานอยู่บ่อย ๆ ว่าสามเจ้าของร่วมของทีมอย่าง เดวิด เบ็คแฮม, จอร์จ มาส และโจเซ่ มาส แสดงความสนใจจะชวน ลิโอเนล เมสซี่ มาร่วมงานกันที่ อินเตอร์ ไมอามี่ มาพักใหญ่แล้ว
“ทั้ง เดวิด เบ็คแฮม และผมต่างก็มีความตั้งใจที่จะนำนักเตะที่ดีที่สุดในโลกมาที่ไมอามี่ ไม่ใช่แค่เพราะโครงการที่เรากำลังสร้างขึ้นเท่านั้นนะ แต่เรายังต้องการเป็นแหล่งอ้างอิงที่ดีสำหรับฟุตบอลในสหรัฐอเมริกา เมื่อคุณพูดถึงนักเตะที่ดีที่สุดในโลก แน่นอนว่าลีโอเป็นนักเตะคนนั้น” จอร์จ มาส กล่าวกับ Sport Central เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022
“เราปรารถนาที่จะเป็นอย่างนั้น ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี และหวังว่าในอนาคต ลีโอ เมสซี จะได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการของเรา”
ขณะที่ตัวสตาร์กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าวันหนึ่งอาจจะย้ายมาเล่นที่อเมริกา
“วันหนึ่งผมอยากเล่นในสหรัฐอเมริกา มันเป็นหนึ่งในความฝันของผมมาโดยตลอด” ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของเมสซี่ที่เคยบอกกับ La Sexta เมื่อปี 2020
เมื่อเจ้าของทีมมีความประสงค์ที่จะคว้าตัวเมสซี่มาร่วมทัพ และนักเตะเองก็ไม่ได้ปิดโอกาสมาสัมผัสประสบการณ์บั้นปลายอาชีพที่เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์
และเมื่อหาข้อมูลอื่นมาอ้างอิงประกอบก็ยิ่งกลายเป็นว่ากระแสที่เมสซี่สนใจมาอินเตอร์ ไมอามี่ มีความเป็นไปได้มากที่สุด ไล่มาตั้งแต่ที่ ลิโอเนล เมสซี่ พร้อมครอบครัวเดินทางมาพักผ่อนที่ไมอามี่บ่อยครั้ง แถมยังมีอพาร์ตเมนต์สุดหรูที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2020
ขณะที่สภาพสังคมทางตอนใต้ของมลรัฐฟลอริดาแห่งนี้ต่างก็ดูสอดรับกับวิถีชีวิตสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง ว่ากันว่าที่ไมอามี่มีชุมชนคนอเมริกาใต้ มีชุมชนจากแคว้นคาตาลุนญ่า มีชาวฮิสแปนิก และมีคนที่พูดภาษาสเปนอยู่มาก จึงไม่แปลกที่ภรรยาและลูก ๆ จะชื่นชอบบรรยากาศความเป็นเมือง ตลอดจนความกลมกลืนกับท้องถิ่นได้ไม่ยาก
ขณะที่ตัวเมสซี่เองที่ประสบความสำเร็จในการค้าแข้งมาอย่างโชกโชน ดังนั้นในวัยย่าง 3 กะรัต การที่เขาจะได้เล่นในลีกที่มีแรงกดดันน้อยกว่า เมื่อความกดดันที่เผชิญมาตลอดรอบทศวรรษถูกลดระดับลงไป มันอาจเป็นสิ่งที่เหมือนความสุขเล็ก ๆ ในช่วงบั้นปลายเส้นทางลูกหนังก็ได้
ดูเหมือนว่าเขาเองก็พอใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ และพร้อมจะออกสตาร์ทบนเส้นทางใหม่ในอาชีพ
“ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปเล่นที่ไมอามี่” ข้อความบางส่วนของกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ที่เปิดใจกับสื่อจากแดนสเปนอย่าง SPORT และ Mundo Deportivo
“ถึงเวลาที่ต้องไปที่ MLS เพื่อใช้ชีวิตการเล่นฟุตบอลในแบบที่ต่างออกไป และสนุกกับชีวิตประจำวันให้มากกว่านี้ แน่นอนว่าผมมีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะ และทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีด้วยความสงบกว่าเดิม”
“เรายินดีที่ ลิโอเนล เมสซี่ บอกถึงความตั้งใจของเขาที่จะเข้าร่วมทีมอินเตอร์ ไมอามี่ และเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ในซัมเมอร์นี้ แม้ว่าการเจรจายังคงดำเนินอยู่เพื่อหาบทสรุปของข้อตกลงอย่างเป็นทางการ เราหวังว่าจะได้ต้อนรับหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลมาสู่ลีกของเรา” เว็บไซต์ทางการของเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ หรือลีกฟุตบอลอาชีพทางการของอเมริกา กล่าวต้อนรับเมสซี่
อนึ่ง นอกเหนือไปจากเรื่องราวในสนามที่เมสซี่เตรียมเข้ามาสร้างความฮือฮาบนเวที MLS ในอนาคตแล้ว ดูเหมือนว่าการย้ายมาหนนี้ของเขาที่มีดีกรีเป็นผู้เล่นสุดยอดตลอดกาลคนหนึ่งของโลก จะมีเรื่องของ “มูลค่านอกสนาม” นานัปการเข้ามาเกี่ยวข้อง เฉกเช่นตำนานลูกหนังโลกคนก่อนหน้าที่เคยมาเยือน
ปรากฏการณ์ลูกหนังสหรัฐฯ โดยเปเล่และเบ็คแฮม
ในฐานะนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลกในยุค 2010s การย้ายมาเล่นที่สหรัฐอเมริกาของ ลิโอเนล เมสซี่ จะเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ในวงการลูกหนังแดนพญาอินทรีรอบล่าสุดอย่างยากจะปฏิเสธ
ก่อนหน้านี้ลีกฟุตบอลอเมริกันเคยมีเหล่าซูเปอร์สตาร์ดังตบเท้ากันเข้ามาโลดแล่นมากมาย แต่ถ้าให้เอ่ยถึงคนที่เข้ามาสร้างแรงกระเพื่อมและเข้ามาสร้างปรากฏการณ์จริง ๆ คงต้องยกให้การมาของ เปเล่ ในปี 1975 และ เดวิด เบ็คแฮม ในปี 2007
นิวยอร์ก คอสมอส คือสโมสรที่เปเล่ย้ายมาอยู่ด้วย ทีมนี้ก่อตั้งในปี 1970 และมี วอร์เนอร์ คอมมูนิเคชั่น (วอร์เนอร์ มีเดีย ในปัจจุบัน) เป็นกลุ่มทุนเบื้องหลัง โดยคอสมอสให้ความสนใจและอยากได้ซูเปอร์สตาร์บราซิลเลียนรายนี้มาร่วมเขย่าวงการลูกหนังอเมริกา
เป็นเหตุให้การเจรจาเกิดขึ้นอยู่พักใหญ่ เพราะมีทีมในยุโรปแสดงความสนใจในตัวตำนานลูกหนังซานโตสรายนี้อยู่ด้วย แต่ท้ายสุด “ลูกตื๊อ” ของบอร์ดบริหารทีมนิวยอร์ก คอสมอส ก็คว้าเปเล่มาร่วมทีมได้สมใจ
ลีกฟุตบอล หรือ ซอคเกอร์ ในสหรัฐอเมริกา ณ เวลานั้นใช้ชื่อว่า North American Soccer League (NASL) ก่อตั้งในปี 1968 โดยเปเล่ตกลงปลงใจเซ็นสัญญา 3 ปีกับทางคอสมอส พร้อมรับค่าตอบแทนเป็นเงินที่สูงคิดเป็นเรตเงินในปัจจุบันกว่า 20 ล้านดอลลาร์ พ่วงด้วยสิทธิ์ในการโฆษณาและสัญญาเบ็ดเตล็ดอีกอย่างละ 1 ล้านดอลลาร์
เปเล่เข้ามาชุบชีวิตฟุตบอลที่สหรัฐอเมริกาจากที่ซบเซา ไม่มีคนดู และไม่ได้รับความนิยมเท่ากีฬาประเภทอื่น ไม่เพียงแต่จะปลุกกระแสฟีเวอร์ให้ทุก ๆ สนามที่ทีมนิวยอร์ก คอสมอส ลงบู๊ให้คราคร่ำไปด้วยผู้ชมเท่านั้น แต่ยังเนรมิตรกระแส “การตลาดกีฬา (Sport marketing)” ให้กับทั้งสโมสรและลีกเข้าเต็มเปา
นิวยอร์ก คอสมอส มีคิวได้รับเชิญไปอุ่นเครื่องกับทีมน้อยใหญ่ทั่วโลก พร้อมเปิดตัวสองดาวเด่นลูกหนังอย่าง ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ และ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ มาเติมเต็ม ขณะที่ทีมอื่น ๆ ร่วมลีกต่างก็มาในแนวทางเดียวกันคือทุ่มคว้าดาวดังจากยุโรปมาสู่ทีม เช่น จอร์จ เบสต์ ที่โยกมาอยู่กับ ลอสแอนเจลิส แอซเท็กส์ ขณะที่เพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 อย่าง เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ก็ย้ายมาเล่นให้กับ ซีแอตเทิล ซาวเดอร์ส เป็นต้น
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะอิมแพ็กต์จากเปเล่ทำให้ศึก NASL ได้รับความนิยมล้นหลาม มีข้อมูลบันทึกไว้ว่าลีกฟุตบอลอเมริกาในตอนนั้นมียอดผู้ชมเฉลี่ยที่สูงขึ้นทุก ๆ ปี เริ่มจาก 7,642 คนในปี 1975 ขยายต่อถึง 13,558 คนในปี 1977 ขณะที่ทีมนิวยอร์ก คอสมอส ก็เคยสร้างสถิติมีแฟนบอลเข้ามาชมเกมที่ไจแอนต์ส สเตเดียม ถึง 77,691 คน
ขณะที่เปเล่เองก็ยังมีฝีเท้าสมกับความยิ่งใหญ่ที่ส่งต่อมาที่อเมริกา จากสถิติยิงไปถึง 64 ลูก จาก 104 นัด และช่วยให้ทีมคอสมอสคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ในฤดูกาลสุดท้าย
หลังการอำลาของเปเล่ เวลาต่อจากนั้นอีก 8 ปีเศษ ลีกลูกหนัง North American Soccer League ก็ถึงคราวล่มสลาย ส่วนสำคัญมาจากการที่หลาย ๆ ทีมประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง รายรับไม่สมดุลกับรายจ่าย จนมีหนี้สินท่วมสโมสร
แม้ลีกฟุตบอลอเมริกาจะต้องปิดฉากลงไป จนเวลาหลายทศวรรษต่อมาก็ได้มีการเกิดขึ้นใหม่ของลีกอาชีพสหรัฐฯ ที่ชื่อ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ แต่ภาพจำแห่งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของลีกฟุตบอลที่นี่คือ เปเล่ ที่เข้ามาเล่นให้ทีมคอสมอส พร้อมกับสร้างปรากฏการณ์ที่ยากจะมีวันลืม และมันได้กลายเป็นมรดกล้ำค่าที่ทรงอิทธิพลมายังภายหน้า ดังบทวิเคราะห์ของกองบรรณาธิการ The Athletic
“แม้ NASL จะล่มสลาย แต่เด็ก ๆ ก็ได้ดูเปเล่ลงเล่นในช่วงที่เขาอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 3 ปี ต่อมาก็กลายเป็นนักฟุตบอลรุ่นแรก ๆ ของสหรัฐฯ ที่เป็นผู้บุกเบิกการลงเล่นในฟุตบอลโลก และจากซากปรักหักพังของ NASL ผู้ก่อตั้งเมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ ซึ่งบางคนเป็นเจ้าของสโมสร NASL มาก่อนก็ได้เรียนรู้บทเรียนของพวกเขาเอง พวกเขาเลือกเส้นทางการเงินที่สมเหตุสมผลมากขึ้น”
นั่นหมายความว่าเมื่อ เบ็คแฮม ก้าวเข้ามาเล่นใน MLS กับแอลเอ แกแล็คซี่ ในปี 2007 ลีกลูกหนังอเมริกาก็อยู่ในช่วงเรียนรู้บทเรียนจากอดีตและมีความพร้อมที่ดีกว่าเดิมมากแล้ว
มากไปกว่านั้น หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังใช้ความเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังของเบ็คแฮมให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากกว่าที่ NASL รวมถึงนิวยอร์ก คอสมอส ใช้กับเปเล่ ยิ่งมูลค่าที่มีในตัวของเบ็คแฮม เรียกได้ว่าทั้งเรื่องในสนามและนอกสนามนั้น “ทรงอิทธิพล” ไม่แพ้กัน
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า MLS เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกมากกว่าครั้งไหน ๆ ในประวัติศาสตร์ของเรา และมีความชอบธรรมมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา เหตุผลก็เพราะเดวิด (เบ็คแฮม)” ดอน การ์เบอร์ กรรมาธิการ MLS กล่าวไว้กับ New York Times เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2007
“ทุกมาตรการในธุรกิจของเราเติบโตเพราะเขา เราขายเสื้อทีมลอสแอนเจลิส แกแล็คซี่ ที่มีชื่อของเบ็คแฮมได้มากกว่า 300,000 ตัว ซึ่งเป็นจำนวน 700 เท่าของจำนวนเสื้อแกแล็คซี่ที่เคยขายได้ในปี 2006”
“ยอดขายสินค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นสองหรือสามเท่า ยอดการขายผ่านรายการโทรทัศน์ระดับนานาชาติก็เพิ่มขึ้น จากเดิมที่แทบจะไม่มีอะไรเลยสู่การจัดจำหน่ายใน 100 ประเทศ รวมถึงการถ่ายทอดสดการแข่งขันในเอเชียและเม็กซิโก”
อิมแพ็กต์จากเมสซี่
การปรากฏตัวของเมสซี่ในวงการซอคเกอร์แห่งสหรัฐอเมริกา รวมถึงช่วงเวลาในอนาคตที่กัปตันทีมอาร์เจนตินาจะได้สวมเสื้ออินเตอร์ ไมอามี่ ลงบู๊ในเมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ ย่อมมีผลกระทบคล้ายกันกับสองไอคอนลูกหนังอย่างเปเล่และเบ็คแฮม
ยากที่จะจินตนาการว่าในแต่ละเกมการแข่งขันที่สตาร์เบอร์ 10 แดนฟ้าขาวผู้นี้ลงบู๊ อาจเต็มไปด้วยการเบียดเสียดของแฟน ๆ ลูกหนังที่แห่กันเข้ามาชมเกมในสนามของแต่ละสโมสรใน MLS ซึ่งหลาย ๆ แห่งจุผู้ชมได้ระหว่าง 18,000 ถึง 30,000 คน และนั่นก็อาจทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันลีกและสโมสรร่วมลีกของอินเตอร์ ไมอามี่ อาจนำข้อมูลตรงนี้ไปพิจารณาในอนาคตเรื่องการให้ทีมอินเตอร์ ไมอามี่ ย้ายไปแข่งขันในสนามที่จุคนได้มากกว่านี้ เทียบเท่าศึกอเมริกันฟุตบอล (NFL) และเบสบอล (MLB)
เพราะหากจะนำเรื่องความนิยมในตัวเมสซี่ที่อเมริกามาเปรียบเทียบ เช่น สมัยที่เมสซี่เดินทางมาทัวร์อเมริกากับทางบาร์เซโลน่า เมื่อปี 2017 มีแฟนบอลเข้ามาชมฝีเท้าของเขาแตะหลัก 60,000 – 80,000 ราย
เช่นเดียวกับเรื่องตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่เมสซี่อาจจะได้ลงเล่นให้อินเตอร์ ไมอามี่ ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ที่จะบุกไปเยือน นิวยอร์ก เรดบูลส์ มีรายงานจาก Seat Geek แพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วชมมหรสพในอเมริกา จากเดิมที่ 25 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 875 บาท ได้เพิ่มมูลค่าไปเป็น 269 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9,415 บาทเลยทีเดียว
มากไปกว่านั้น ด้วยความเป็นไอคอนนักกีฬาคนหนึ่งของโลก ปฏิเสธไม่ได้ว่ามูลค่าอื่น ๆ ก็อาจจะส่งผลในเชิงบวกตามมานับไม่ถ้วน เช่น อินเตอร์ ไมอามี่ อาจกลายเป็นสโมสรกีฬายอดนิยมติดอันดับโลกจากฐานแฟนคลับเมสซี่ที่มีอยู่ทั่วโลก หรือสโมสรอาจทำรายได้เป็นกอบเป็นกำตั้งแต่ช่วงที่เมสซี่เข้ามา เหมือนดั่งที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เคยทำรายได้มากถึง 700 ล้านยูโร ในช่วงหนึ่งปีที่เมสซี่ย้ายมาเล่นด้วย
ช่องทางโซเชียลมีเดียของอินเตอร์ ไมอามี่ ก็เช่นกัน ยอดการติดตามผ่านช่องทางอินสตาแกรมสโมสรถึงวันที่ 9 มิถุนายนนี้ หรือช่วงไม่กี่วันหลังเมสซี่ยืนยันว่าจะย้ายมาค้าแข้งด้วย ที่สโมสรมียอดผู้ติดตามทะลุหลัก 6 ล้านคนเข้าไปแล้ว เรียกได้ว่ามากกว่าช่วงก่อนหน้าที่ยังไม่ได้ย้ายมาถึง 6 เท่า
ไม่เพียงแต่เมสซี่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงแบรนด์ที่ชื่อเมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ รวมถึง อินเตอร์ ไมอามี่ ได้อย่างมีนัยยะสำคัญเท่านั้น เพราะนี่อาจจะส่งผลกระทบถึงภาพใหญ่ของฟุตบอลสหรัฐอเมริกา
โดยเฉพาะการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก 2026 ในแง่ของมูลค่าการลงทุนในอเมริกาที่มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศทวีการเติบโตขึ้นไปอีก
เมื่อเป็นฝ่ายให้แล้ว ลิโอเนล เมสซี่ ก็ยังเป็นฝ่าย “รับ” ด้วยเช่นกัน เพราะเงื่อนไขสำคัญที่ทางเมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ ได้มอบให้กับเขา ตามข้อมูลที่ปรากฏประกอบไปด้วยคือ ส่วนแบ่งรายได้ของการถ่ายทอดสดการแข่งขันเกมลีกที่ซึ่ง MLS เป็นพาร์ตเนอร์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกับทาง Apple TV+ และแฟน ๆ อาจจะได้เห็นเนื้อหาแบบเอ็กซ์คลูซีฟเกี่ยวกับเมสซี่ ผ่าน Apple TV+ อีก ในอนาคต
ขณะที่ Adidas ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ของเมสซี่อยู่แล้วและยังผูกขาดเป็นสปอนเซอร์ชุดแข่งขันใน MLS ด้วยอีกทาง ในส่วนนี้เมสซี่ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากการจำหน่ายสินค้าของ MLS ไปด้วย
อีกหนึ่งสิทธิ์พิเศษที่เมสซี่จะได้รับคือสิทธิ์การซื้อสิทธิ์ตั้งทีมหรือจ่ายค่าแฟรนไชส์ให้กับทางลีก เพื่อให้ลีกอนุมัติยินยอมให้ตั้งทีมขึ้นมา เหมือนกับที่ เดวิด เบ็คแฮม ใช้สิทธิ์ดังกล่าวเพื่อสร้างทีมอินเตอร์ ไมอามี่
ต้องไม่ลืมเรื่องในสนามด้วยเช่นกัน การเข้ามาของ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งยังอยู่ในช่วงเวลาที่ฟอร์มการเล่นยังไม่ได้ดร็อปลงไปตามอายุ ทำให้แฟน ๆ อินเตอร์ ไมอามี่ อยากเห็นทีมทำผลงานได้ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา
จากที่เคยโดนคู่แข่งแซวว่าทีมฟุตบอลของเซเลบริตี้และเป็นทีมดูดสตาร์แก่ ๆ มารวมตัวกัน ไม่แน่ว่าเมสซี่และเพื่อนร่วมทีมกลุ่มใหม่ อาจพาสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับที่เป็นที่น่าพอใจ ปูทางสู่การมีโทรฟี่มาประดับสโมสรในอนาคต
และทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ช่วยการันตีได้ว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของ ลิโอเนล เมสซี่ มันช่างดู “วิน-วิน” กับตัว ลิโอเนล เมสซี่ และครอบครัวเสียจริง ๆ
แหล่งอ้างอิง
https://theathletic.com/4590227/2023/06/07/messi-mls-inter-miami-american-soccer-impact/
https://theathletic.com/4591514/2023/06/07/messi-miami-mls-ticket-prices/
https://www.telegraph.co.uk/football/2023/06/07/lionel-messi-reject-barcelona-saudi-inter-miami-transfer/
https://www.eurosport.com/football/world-cup/2022/lionel-messi-to-inter-miami-david-beckhams-mls-side-confident-of-signing-argentina-superstar-after-w_sto9247556/story.shtml
https://www.mlssoccer.com/news/mls-statement-on-lionel-messi-and-inter-miami-cf
https://www.sanook.com/sport/1198302/