The Last ไม่ยอม Dance! : เมื่อ ‘โรนัลโด้’ ไม่มาเจอ ‘เมสซี่’ และ อินเตอร์ ไมอามี่ ต้องกลับบ้านแบบเขินๆ
ระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ แน่นอนว่านี่คือนักเตะเบอร์ 1 ของโลกด้วยกัน “ทั้งคู่” โดยไม่จำเป็นต้องด้อยค่าใครให้เสียเวลา โดยเฉพาะในช่วงไพรม์ไทม์ตอน โรนัลโด้ ย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไประเบิดฟอร์มท็อปโลกกับ เรอัล มาดริด เพื่อดวลเดือดกับ เมสซี่ ที่ บาร์เซโลน่า ตอนก่อนจะโผออกมาที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
สำหรับเกมอุ่นเครื่องเมื่อ 1 ก.พ. ถูกจับตามองเป็นพิเศษในฐานะที่เป็นการเจอกันหนสุดท้ายของ โงกุน v เบจิต้า เมื่อ อัล-นาสเซอร์ ของ โรนัลโด้ ลงปะทะ อินเตอร์ ไมอามี่ ของ เมสซี่ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายกลายเป็นฝันค้าง และยังเกิดบทสรุปที่ฝ่ายหลังต้องกลับบ้านพร้อมปี๊บคลุมหัวอีกต่างหาก
แม้จะออกกะทันหันไป (ไม่) หน่อย เมื่อคิวเตะระหว่าง อัล-นาสเซอร์ กับ อินเตอร์ ไมอามี่ เพิ่งถูกคอนเฟิร์มเอาเมื่อกลางเดือน พ.ย. ปีที่แล้วนี่เองว่าจะมาสาดแข้งกันที่แดนเศรษฐีน้ำมัน อันเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมทีม ปรีซีซั่น 2024 ของฝ่ายหลัง
แต่ด้วยไอเดียแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อยกับการที่แฟนๆ จะได้เห็นการเผชิญหน้ากันของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ โดยตรง อีกสักครั้งก่อนทั้งคู่จะแขวนสตั๊ดเลิกเล่นในอนาคตอันใกล้ (จันทร์หน้า โรนัลโด้ 38 ส่วน เมสซี่ ก็จะ 37 ตอนกลางปี)
ทัวร์นาเมนต์ 3 เส้า ในชื่อรายการ “ริยาดห์ ซีซั่น คัพ” จะถูกจัดขึ้นที่ริยาดห์ ซาอุดีอาระเบีย โดยมี อัล-นาสเซอร์ – อินเตอร์ ไมอามี่ และ อัล-ฮิลาล เข้าร่วมชิงชัย
อย่างที่ว่า เกมนี้คือส่วนหนึ่งของการตระเวน “เวิลด์ทัวร์” เตะปรีซีซั่น 2024 ของ อินเตอร์ ไมอามี่ ซึ่งมีเป้าหมายเล็งถึงแชมป์ MLS ซีซั่นหน้า เพื่อแก้ตัวจากที่ค่อนข้างล้มเหลวกับซีซั่นที่ผ่านมา แม้จะมีแชมป์บอลถ้วย ลีกส์ คัพ ติดมือก็ตาม
ประเด็นสำคัญก็คือการเจอกันอีกครั้งของ โรนัลโด้ กับ เมสซี่ ภายหลังเคยปะทะกันโดยตรงถึง 37 แมตช์ ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการดวลกันใน “เอล กลาซิโก้” เรอัล มาดริด v บาร์เซโลน่า
ผลเป็น เมสซี่ ที่เหนือกว่าด้วยชัยชนะ 17 ครั้ง ส่วน โรนัลโด้ ชนะ 11 หน และเสมอกัน 9 เกม
ที่จริง โด้กับเมสซี่ ยังเพิ่งเจอกันในนัดอุ่นเครื่องเมื่อต้นปีที่แล้ว ม.ค. 2023 ที่ อัล-นาสเซอร์ จับมือ อัล-ฮิลาล ส่งตัวแทนมาลงบู๊ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โดยที่ยิงกันสนั่นหวั่นไหว เปแอสเช ชนะ 5-4 เมสซี่ ยิง 1 เม็ด และทาง โรนัลโด้ ก็ซัด 2 ตุง แต่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เกมที่ว่านี้ ทั้ง เมสซี่ และ โรนัลโด้ ต่างก็อยู่ในสนาม 1 ชั่วโมงเต็มก่อนถูกถอดออก ดังนั้นจึงมีบางจังหวะจะโคนที่ได้ปะทะกันกลางสนามจริงๆ จังๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม มาถึงเกม ริยาดห์ ซีซั่น คัพ 2024 นี้ จากที่แควนๆ ต่างตั้งตารอการดวลกันของ 2 ซูเปอร์สตาร์เจ้าของบัลลังก์เบอร์ 1 โลก มาตลอดเดือนสองเดือนหลัง และพาเหรดกันเข้ามาในสนาม คิงดอม อารีน่า นับได้ประมาณ 25,000 หัว (ขณะที่ค่าเฉลี่ยคนดูในสนาม โปรลีก ซาอุฯ ซีซั่นนี้ อยู่ที่แค่ 8,293 คน) ไม่นับรวมอีกนับหมื่นนับแสนที่เฝ้าดูผ่านหน้าจอ
เรียบร้อย…แห้วรับประทาน
ลิโอเนล เมสซี่ ไม่สมบูรณ์นัก มีชื่อแค่นั่งสำรอง และ 11 คนแรกของ อินเตอร์ ไมอามี่ ในการทำทีมของกุนซือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่ ประกอบด้วย เดร็ค คัลเลนเดอร์, จอร์ดี้ อัลบา, เซอร์เก คริสตอฟ, โนอาห์ อัลเลน, โทมัส อวิเลส, ฮูเลียน เกรสเซล, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ดาวิด รุยซ์, เกรกอรี่, เลโอนาร์โด้ คัมปาน่า และ หลุยส์ ซัวเรซ
หนักกว่าคือ โรนัลโด้ ไม่มีชื่อแม้กระทั่งนั่งสำรอง!
ตัวจริงของ อัล-นาสเซอร์ (ที่ไม่มีตัวทีมชาติซาอุฯ ทั้งหมดเช่นกัน) ประกอบด้วย ดาวิด ออสปิน่า, อเล็กซ์ เตลเลส, อายเมอริก ลาป๊อร์กต์, อับดุลเลลาห์ อัล อัมรี, นาวาฟ บูชาล, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, อับดุลมาจี๊ด อัล สุไลฮีม, อับดุลลาซิซ อัล เอเลไว, โอตาวิโอ, อันแดร์ซอน ทาลิสก้า และ โมฮัมเหม็ด มารัน
มีการเปิดเผยว่า โรนัลโด้ มีปัญหาบาดเจ็บน่อง จนส่งผลกระทบให้ อัล-นาสเซอร์ ต้องยกเลิกคิวอุ่นเครื่องโชว์ตัวที่ประเทศจีน 2 นัด ในสัปดาห์ที่แล้วไปเสีย (เนื่องจากดาวเด่นสุดอย่าง โรนัลโด้ ไม่พร้อม และยังขาดอีกหลายนักเตะที่ไป เอเชียน คัพ + AFCON)
และเกมนี้ ยอดดาวยิงเจ้าของ 30 ประตูซีซั่นนี้ ก็ทำได้แค่นั่งเชียร์เพื่อนจากบนอัฒจันทร์เท่านั้น
ก็ชัดมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนแล้วที่ อินเตอร์ ไมอามี่ ที่ไม่มี เมสซี่ เป็นคนละทีมอย่างสิ้นเชิงกับ อินเตอร์ ไมอามี่ ที่มี เมสซี่ ในสนาม
รูปแบบการเล่น แท็กติกการเข้าทำ ความมั่นใจในการทำเกม ทุกข้อล้วนแต่แตกต่างมหาศาล ระหว่าง “มี” กับ “ไม่มี”
เช่นกัน เมื่อวันนี้ เมสซี่ ได้แค่นั่งสำรอง อินเตอร์ ไมอามี่ จึงเป็นรอง อัล-นาสเซอร์ ตั้งแต่ต้น
แต่ก็คงไม่มีใครคิดมาก่อนว่า แค่ 12 นาทีแรก สกอร์จะถ่างกระจายถึง 3-0 แล้ว!
นาทีที่ 3 – หลังเขี่ยลูกเริ่มไปสองนาทีเศษ โอตาวิโอ รับบอลในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนล็อกแต่งเข้าขวาแล้วซัดตูมส่งลูกเสยใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม
นาทีที่ 10 – จังหวะเซ็ตบอลเจ๋งๆ ของเจ้าถิ่น 3-4 ทอด ไปจบที่ อับดุลลาซิซ เอล เอเลไว ปาดจากสุดเส้นหลังซ้ายให้ อันแดร์ซอน ทาลิสก้า เข้าชาร์จจ่อๆ ไม่เหลือที่เสาสอง
นาทีที่ 12 – สำคัญสุดคือลูกนี้ เมื่อ อัล-นาสเซอร์ ได้ฟรีคิกที่แดนตัวเอง อายเมอริก ลาป๊อร์กต์ เหลือบเห็นนายประตู เดร็ค คัลเลนเดอร์ ออกมาห่างเส้น จึงตัดสินใจกระหน่ำเปรี้ยงด้วยอีซ้ายไปจากระยะเกินกว่าครึ่งสนาม ซึ่งบอลก็ลอยได้ทั้งน้ำหนักและทิศทางเข้าสู่ก้นตาข่ายพอดิบพอดีโดยไม่มีเด้งพื้นอะไรก่อนทั้งสิ้น
นี่คือประตูที่ส่ง อัล-นาสเซอร์ นำห่าง อินเตอร์ ไมอามี่ 3-0 ในแค่สิบนาทีเศษ และยังเป็นลูกยิงที่ส่งเข้าประกวดประตูสวยงามได้ทุกสถาบัน
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ฟีฟ่า จะรับเอาเข้าชิงรางวัล ปุสกัส อวอร์ด ด้วยไหม เมื่อนี่เป็นประตูจากเกมอุ่นเครื่องเพียงเท่านั้น
หลุยส์ ซัวเรซ อดีตดาวยิง ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งย้ายมาสมทบทีมของ ตาต้า มาร์ติโน่ ได้ไม่นาน มีโอกาสสับไกบ้าง 2-3 หน แต่ไม่ดีพอจะเล่นงาน ดาวิด ออสปิน่า หรือประตูสำรองอย่าง วาลีด อับดุลลาห์ ได้ รวมถึงก็ไม่ได้เล่นกับบอลมากนัก เมื่อ อัล-นาสเซอร์ ครองเกมเหนือกว่าอยู่พอตัว
ครึ่งหลัง เล่นไปเล่นมา สกอร์ก็บานเป็น 6-0
นาที 51 – จุดโทษที่นายทวาร ไมอามี่ ไปรวบเขาล้ม อันแดร์ซอน ทาลิสก้า รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ
นาที 68 – โมฮัมเหม็ด มารัน สบโอกาสโขกโล่งๆ ในเขตโทษ ส่งบอลย้อยเข้าประตูไปง่ายๆ
นาที 73 – อเล็กซ์ เตลเลส สาดขึ้นหน้าให้ อันแดร์ซอน ทาลิสก้า ทะลุเดี่ยวเข้าดีดด้วยซ้ายตุงตาข่าย แม้ทีแรกจะถูกผู้ตัดสินหญิงจับล้ำหน้า แต่ VAR ฟ้องว่าไม่ล้ำ เท่ากับเป็นแฮตทริกของดาวเตะแซมบ้า และเป็นประตู 6-0 ของ อัล-นาสเซอร์
หลังจากสกอร์ถ่างไปขนาดนี้ เมสซี่ ถูกส่งลงสำรองมาแค่เคาะสนิม เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากแฟนๆ ใน 7 นาทีสุดท้าย ซึ่งก็แน่นอนว่าซุปตาร์อาร์เจนไตน์ไม่อาจปรับสกอร์แก้เกมอะไรได้ทัน
แม้อาจเป็นนัดอุ่นเครื่องไม่จริงจังนัก และการซัดกันของ โรนัลโด้ – เมสซี่ ก็ไม่เกิดขึ้นจริงอย่างที่ทุกฝ่ายอยากเห็น แต่แน่นอนว่า ความพ่ายแพ้ย่อยยับครั้งนี้ คงฟ้องได้พอประมาณว่า อินเตอร์ ไมอามี่ ยังมีข้อด้อยในตัวอยู่อีกเยอะ มีการบ้านกองโตเบ้อเริ่มให้ต้องสะสาง ก่อนลุย MLS ซีซั่นใหม่
แน่นอนว่า เส้นทางของ โรนัลโด้ กับ เมสซี่ คงไม่โคจรมาบรรจบกันอีก ถ้าโชคไม่ช่วยมากพอ
ยังเป็นไปได้ว่าในปีหน้า หรือสองปีข้างหน้า ถ้าทั้งคู่ยังไม่ถอดใจแขวนสตั๊ด และยังคงปักหลักอยู่กับต้นสังกัดปัจจุบันนี้ ก็พอมีสิทธิ์ที่ “The Last Dance” จะถูกรีแมตช์ขึ้นใหม่ ชดเชยการรอเก้อของแฟนๆ เมื่อวานนี้
เช่นกัน ก็คงต้องหวังให้โชคดวงเกื้อหนุนมากพอ ให้ โปรตุเกส ได้มาเจอกับ อาร์เจนติน่า ในสักทัวร์นาเมนต์…ที่คงจะต้องเป็น ฟุตบอลโลก ครั้งหน้า ปี 2026 เท่านั้น หาไม่แล้ว จะหวังเกมอุ่นเครื่องก็คงยาก เมื่อพี่ฟ้าขาวแชมป์โลกเขา ไม่ค่อยถนัด (และไม่จำเป็นต้อง) นัดเจอทีมยุโรปสักเท่าไหร่
ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม… ถ้าไม่มี “The Last Dance II” รีแมตช์โอกาสหน้า บางทีเราก็อาจไม่ได้เห็นการดวลกันในสนามระหว่าง โรนัลโด้ กับ เมสซี่ อีกแล้ว — เพียงแต่ก็คงไม่ใช่อะไรที่เหนือคาด จากเส้นทางที่แต่ละคนเลือกขีดให้ตัวเองไปอยู่คนละซีกโลกมาได้พักใหญ่
ที่ชัดเจนมากกว่าคือ “ถัดจากนี้” ของ อัล-นาสเซอร์ และ อินเตอร์ ไมอามี่
อัล-นาสเซอร์ ยังคงเหลือคิวลับแข้งกลางซีซั่น (ซึ่ง โปรลีก พักเบรคให้ เอเชียน คัพ) เจอกับคนคุ้นเคยอย่าง อัล-ฮิลาล ซึ่งที่จริงก็คือนัดชิงถ้วย Riyadh Season Cup 2024 ทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องที่มีการเชิญ อินเตอร์ ไมอามี่ มาจอยกัน นี่เอง
ส่วนถัดจากนั้นคือ “ของจริง” เกมสำคัญยิ่งอย่าง รอบ 16 ทีมสุดท้าย ACL เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ช่วงกลางเดือน ซึ่ง อัล-นาสเซอร์ ดันต้องตัดกันเองกับทีมร่วมลีกอย่าง อัล-เฟย์ฮา ต้นสังกัดของ วลาดิเมียร์ สตอยโควิช นายประตูวัย 40 อดีตตัวทีมชาติเซอร์เบีย
คั่นกลาง 2 นัดเหย้าเยือน อัล-เฟย์ฮา ก็เป็นนัดเปิดครึ่งซีซั่นหลังของ โปรลีก ซาอุฯ ที่รองจ่าฝูงอย่างพวกเขา (ตามหลัง อัล-ฮิลาล 7 แต้ม) จะเปิดบ้านรับมือทีมอันดับ 6 อัล-ฟาเตห์ ต้นสังกัดของ คริสเตียน เตโย่ และ เจอร์สัน เดนาเยอร์ ต่อไป
ฝั่ง อินเตอร์ ไมอามี่ ยังต้องเดินทางต่อ ไปอุ่นเครื่อวโชว์ตัวที่ฮ่องกง เจอทีมร่วมดาราลีกฮ่องกง ตามด้วยไปกรุงโตเกียว ลงดวลกับ วิสเซิล โกเบ แชมป์เก่าเจลีก ก่อนปิดคิวปรีซีซั่น กลับไปลงเล่นใน DRV PNK สเตเดี้ยม ของตัวเอง รับมือ นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ต้นสังกัดแรกสุดของ เมสซี่ ตอนกลางเดือน 15 ก.พ.
พ้นจากเกมเจอทีมเก่า เมสซี่ แล้ว ก็จะเป็นนัดเปิดสนาม MLS เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ซีซั่นใหม่ 2024 ที่จะมี รีล ซอลท์ เลค มาเป็นคู่ต่อสู้รายแรก
จากตรงนั้นเป็นต้นไป ก็จะเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของ เมสซี่ + กลุ่มเพื่อนพลังบาร์ซ่า + นักเตะ อินเตอร์ ไมอามี่ ทุกชีวิต สำหรับการไปให้ถึงเป้าหมายช่วงชิงความสำเร็จแห่ง MLS ซีซั่นใหม่
ผงาดแชมป์ใหญ่ให้ได้สักครั้ง เพื่อสั่งลา เมสซี่ อย่างสมบูรณ์แบบ…