ควอนซาห์ นิ่งเกินวัย ! เจาะ 5 ข้อ ลิเวอร์พูล ชนะ บอร์นมัธ
1. คล็อปป์ เอาจริงจัด “บังโม” ล่าตาข่าย
คล็อปป์ สร้างเซอร์ไพรส์พอสมควรในการจัดทีมชุดค่อนข้างโหดในแมตช์นี้ โดยจับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยืนเป็นแนวรุก ขณะเดียวกันยังส่ง โดมินิค โซโบซไล กับ คอสตาส ซิมิคาส ลงเป็นตัวจริงด้วย
ปกติแล้วในเกม คาราบาว คัพ นายใหญ่ชาวด๊อยท์ช มักจะให้โอกาสนักเตะสำรองกับดาวรุ่งลงสนาม กระนั้นในเกมนี้ คล็อปป์ มีการปรับเปลี่ยน 8 ตำแหน่งจากเกมที่ชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับฟอร์มการเล่นของทีมเลย
สำหรับ โม ซาลาห์ เกมนี้โดนจับไปเล่นตรงกลางทำผลให้งานอาจจะไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ทุกครั้งที่มีบอลอยู่กับเท้า
การจัดทีมของ คล็อปป์ ในศึกถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดี เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “หงส์แดง” มุ่งมั่นที่จะซิวโทรฟี่นี้ และโอกาสก็มีค่อนข้างสูง เนื่องจากทีมใหญ่อย่าง แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด (แชมป์เก่า), อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส โบกมือลารายการนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
2. นูนเญซ ฟอร์มคงเส้นคงวา
แม้ว่าการย้ายมาของ ดาร์วิน นูนเญซ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา จะต้องเจอกับแรงกดดันในการรีดฟอร์มเก่งออกมา และทำให้เขาโดนวิจารณ์อย่างหนัก แต่นักเตะยังสามารถสร้างผลงานได้ดีเพียงแต่ยังไม่ได้ตามมาตรฐานที่เขาสร้างเอาไว้กับ เบนฟิก้า
ขนาดผลงานที่ว่าแย่ๆ แต่ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยยังตะบันไปถึง 15 ประตูจากการลงเล่น 42 เกมในทุกรายการ อย่างไรก็ตามในฤดูกาลปัจจุบัน นูนเญซ เริ่มแสดงให้เห็นความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการยิงประตูที่เฉียบคมมากยิ่งขึ้น
จังหวะการตะบันประตูใส่ บอร์นมัธ ต้องบอกว่าสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง ตั้งแต่การจับบอลทางฝั่งซ้ายก่อนจะลากตัดเข้ากลาง และตะบันเต็มข้อบอลพุ่งด้วยความแรง และเฉียบคม ก่อนจะเสียบตะข่ายอย่างงดงาม
สำหรับประตูนี้เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความมั่นใจของ นูนเญซ กลับมาเต็มร้อยแล้ว แถมนักเตะยังเล่นอย่างคงเส้นคงวา งานนี้เชื่อว่า คล็อปป์ พร้อมที่จะส่งเขาเป็นตัวหลักในการไล่ล่าตาข่ายให้กับ “หงส์แดง”
3. โซโบ ยิ่งเล่นยิ่งแกร่ง
สำหรับแมตช์นี้ คล็อปป์ ลองแท็คติกใหม่ด้วยการจับ โม ซาลาห์ ไปยืนตรงกลาง ส่วน โคดี้ กัคโป เล่นตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้าย ขณะที่ โดมินิค โซโบซไล ทำหน้าที่แนวรุกฝั่งขวา ซึ่งต้องบอกว่าผลงานโดดเด่นมากๆ
บทบาทของ “โซโบ” ต้องบอกว่ามีความหลากหลายมากๆ เพราะเกมนี้เขาขยับไปทั่วสนาม ไม่ว่าจะเล่นมิดฟิลด์, ตัวรุกทั้งซ้าย และขวา โดยไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งไหน สตาร์ชาวฮังการีโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ
การเล่นตัวริมเส้นต้องบอกว่าเป็นตำแหน่งที่ โซโบซไล ถูกจับไปเล่นให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเขาสามารถซัดไป 6 ประตูกับ 8 แอสซิสต์จากการโลดแล่นในตำแหน่งนี้
แม้ว่าบทบาทดังกล่าวจะจำกัดศักยภาพของเขาในการที่จะต้องเลี้ยงบอลตัดเข้าใน และยิงด้วยเท้าขวาข้างถนัด แต่นักเตะก็สามารถเล่นได้แบบสบายๆ ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมเกมกับ ซาลาห์ และ โจ โกเมซ ที่วิ่งเติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาด้วย
จุดเด่นของ โซโบซไล ที่เห็นอย่างชัดเจนนั่นก็คือพละกำลัง, สภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง และความฉลาดในการหาพื้นที่ว่างรวมทั้งการจ่ายบอลที่เฉียบคม และการยิงไกลที่หนักหน่วง ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตอนนี้เขาเป็นขวัญใจของสาวก “เดอะ ค็อป” ไปแล้ว
4. ควอนซาห์ เล่นได้นิ่ง
ต้องบอกว่า จาเรลล์ ควอนซาห์ พัฒนาฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้ทำให้เขามีโอกาสได้ลงสนามหลายแมตช์ และเกมนี้ คล็อปป์ ค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพเจ้าหนูรายนี้จึงเลือกจับยืมตัวจริงคู่กับ โฌเอล มาติป
แม้ว่าในช่วงแรกๆ ควอนซาห์ อาจจะเล่นไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากนั้นนักเตะสามารถยกระดับฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง และมีหลายจังหวะที่เขาช่วยป้องกันไม่ให้ทีมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
บอร์นมัธ พยายามเล่นงานแนวรับ “หงส์แดง” ด้วยการเล่นลูกกลางอากาศ และบนพื้น แต่ ควอนซาห์ สามารถจัดการได้เรียบวุธ แถมมีบางจังหวะที่เจ้าตัวแสดงความกล้าในการเล่น และยังโชว์ลีลาหลอกแนวรุกเจ้าบ้านด้วย
ปราการหลังวัย 20 ปียิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ และนั่นทำให้เขามีความกล้าที่จะเลี้ยงบอลขึ้นไปแดนหน้าทุกครั้งที่มีโอกาส แน่นอนว่าแมตช์นี้ถือเป็นบททดสอบสภาพจิตใจของนักเตะ และเขาแสดงให้เห็นแล้วการเล่นที่นิ่งโดยที่ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเวลาที่โดนคู่แข่งเปิดเกมรุกเข้าใส่
5. เพิ่มความมั่นใจก่อนเยือนลูตัน
ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจหลังเอาชนะ บอร์นมัธ ได้แล้ว เกมต่อไปก็คือการเยือน ลูตัน ทาวน์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงสุดสัปดาห์นี้ แน่นอนว่าลูกทีมของคล็อปป์กระเหี้ยนกระหือรือที่จะลงเล่นแมตช์นี้กันทุกคน
ขุมกำลัง “เดอะ เร้ดส์” ไม่ว่าจะตัวหลักหรือตัวสำรองยอดเยี่ยมมากๆ ทุกคนสามารถสลับสับเปลี่ยนลงสนามทดแทนกันได้เป็นอย่างดี และไม่ทำให้ศักยภาพของทีมลดน้อยถอยลงไปเลย ซึ่งสิ่งนี้ไม่มีให้เห็นเลยเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
เป้าหมายของ ลิเวอร์พูล คือการนำความสำเร็จสู่สโมสร รวมทั้งการหวนกลับสู่เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ดังนั้นทุกๆ ชัยชนะของทีมที่เกิดขึ้นในเวลานี้มีความหมายมากๆ เพราะมันคือแรงกระตุ้นชั้นดีสำหรับนักเตะทุกคนที่อยากเห็นสโมสร และแฟนบอล กลับมามีความสุขอีกครั้ง
ทอมเม้ง