เชลซี 1-0 ไบรท์ตัน : ประเด็นหลังเกม สิงห์น้ำเงิน หักปีกนกนางนวล ทะยานสู่รอบ 4 คาราบาว คัพ
รายการ: ฟุตบอล คาราบาว คัพ 2023/24 รอบ 3
วันแข่งขัน: วันพุธที่ 27 กันยายน 2566
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 1-0 ไบรท์ตัน
แม้ในโซเชียลมีเดีย ความเห็นของแฟนๆ จะออกในเชิงงงๆ เกาหัวแกรกอยู่หน่อยๆ กับโผไลน์อัพการจัดทัพของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ซึ่งมีเปิดเผยก่อนเกมราว 1 ชั่วโมง แต่ที่จริงแล้วก็ถือว่าน่าสนใจและจับตาอยู่ไม่น้อย ว่าการยืนตำแหน่งในสนามจะออกมาเป็นแบบไหน
เพราะนี่คือ 11 ตัวจริงที่มี “แบ็กซ้าย” ลงเล่นพร้อมกันถึง 3 คน — เบน ชิลเวลล์, มาร์ก กูกูเรย่า และ ยาน มาตเซ่น
ปรากฏว่าเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น พื้นที่การยืนของทั้ง 3 ก็ถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยทีเดียว ชิลเวลล์ ประจำการแบ็กซ้าย โยก กูกูเรย่า ออกมายืนฝั่งขวา (ที่ต้องเจอกับ คาโอรุ มิโตมะ โดยตรง) ส่วน ยาน มาตเซ่น ลอยสูงขึ้นเป็นปีกขวา
นั่นยังทำให้แนวรุกค่อนข้างน่าสนใจเลย กับการมีแผงใหม่ มาตเซ่น – โคล พาล์มเมอร์ – มิไคโล มูดริค ปั้นเกมหลังหอกเป้า นิโคลัส แจ๊คสัน
สำหรับเกมรับที่มี เบน ชิลเวลล์ อยู่ทางซ้าย มาร์ก กูกูเรย่า อยู่ทางขวานั้น โปเช็ตติโน่ เลือกวางคู่เซนเตอร์แบ็กเป็น ลีวาย โคลวิลล์ กับ อักเซล ดิซาซี่ โดยปล่อยให้ ติอาโก้ ซิลวา ได้พักไปแบบไม่ต้องมีชื่อสำรอง
อย่างไรก็ตาม ให้เดาใจ โปเช็ตติโน่ ก็คงจะอยากพักทั้ง โคลวิลล์ กับ ดิซาซี่ นั่นแหละ เมื่อ 2 เซนเตอร์แบ็กคู่นี้ต้องลงสนามอย่างต่อเนื่องมาตลอดทุกเกม โดยเฉพาะ โคลวิลล์ ที่ต้องไม่ลืมว่าอายุแค่ 20 เท่านั้น
แต่ถึงอยากพัก ก็พักไม่ได้ เมื่อตัวเลือก CB ถัดจากนี้ไม่เหลือแล้วนอกจากเด็ก 19 อัลฟี่ กิลคริสต์
เมื่อทั้ง เบอนัวต์ บาเดียชิล, เทรโวห์ ชาโลบาห์, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ต่างก็ล้มเจ็บอยู่อย่างพร้อมเพรียงกัน
ท่ามกลางแนวรุกที่ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายของ เชลซี ชัดเจนว่า “แสงแห่งความหวัง” อยู่ที่การเล่นของ โคล พาล์มเมอร์
นี่คือการลงตัวจริงเพียงเกมแรกของดาวรุ่งเจ้าของค่าตัว 40 ล้านปอนด์ และก็มากพอที่สื่อหลายเจ้าจะยกให้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ จากการเล่นที่สร้างอันตรายคุกคามหลังบ้าน ไบรท์ตัน อย่างเห็นผล ก่อนจะทำ 1 แอสซิสต์ให้ นิโคลัส แจ๊คสัน สังหารประตู
ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสนาม พาล์มเมอร์ โดดเด่นที่สุด เทคนิค ทักษะ เซนส์บอลของเขาสมกับการที่เป็นเด็กปั้นตัวเก่งจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้
และถ้า โปเช็ตติโน่ ยังมัวไปเสียเวลากับ มิไคโล มูดริค หรือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดยไม่เปิดที่ทางให้ พาล์มเมอร์ ได้ลงตัวจริงเป็นการถาวร ก็ถือว่าผิด!
แม้อาจน่าเสียดายเล็กๆ สำหรับกองหน้ารายอื่นอย่าง อาร์มันโด้ โบรย่า หรือ เดวิด วอชิงตัน ที่ไม่ได้โอกาสจากเกมนี้ (โบรย่า ลงแค่ 3 นาทีท้าย) ไม่ได้ลองโชว์ของให้โลกได้เห็น แต่ก็พอเข้าใจได้เหมือนกันว่า โปเช็ตติโน่ ตั้งความหวังกับ นิโคลัส แจ๊คสัน เอาไว้ขนาดไหน
และหลังจากความน่าส่ายหัวที่เห็นมาตลอดในแทบทุกเกมพรีเมียร์ลีก ก็ต้องถือว่าวันนี้ แจ๊คสัน สมหวัง
วันนี้ หอกเซเนกัลมีโอกาสจบ 3 ครั้ง ตรงกรอบ 2 เป็นประตู 1 ซึ่งคือจังหวะยิงลูกจ่ายมาให้ของ โคล พาล์มเมอร์ แบบไม่จับ ส่งเรียดเข้าเสียบเสาอย่างแม่นยำ
และถัดมาไม่นาน ก็โชว์การยิงด้วยความมั่นใจผ่านมือนายประตูไบรท์ตันเข้าไปอีก น่าเสียดายที่ถูกจับล้ำหน้าไปเสีย
อย่างไรก็ตาม นับเป็นตลกร้ายที่หลังจากร่ายฟอร์มดีๆ แบบนี้แล้ว แจ๊คสัน ก็จะทำได้แค่นั่งดูเพื่อนเล่นเกม พรีเมียร์ลีก นัดถัดไปกับ ฟูแล่ม เมื่อต้องติดโทษแบน 1 นัดจากการสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบ
ทั้งที่มีสถานะเป็นรองกัปตัน และได้สวมปลอกแขนเมื่อ รีซ เจมส์ ไม่พร้อม แต่ก็ดูเหมือนว่าช่วงออกสตาร์ทซีซั่นนี้ จะเป็นไปอย่างขลุกขลักทีเดียวสำหรับ เบน ชิลเวลล์
ครั้นฟิตพร้อม ก็โดน โปเช็ตติโน่ จับนั่งสำรองถัดจาก ลีวาย โคลวิลล์ ในบางนัด
ครั้นได้ลงตัวจริง อย่างเกมนี้ ก็ดันบาดเจ็บต้องออกจากสนามเสียอีกในช่วงทดเจ็บ
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเจ็บครั้งนี้จะเล็กน้อยหรือรุนแรงแค่ไหน ในช่วงเวลาที่ เชลซี ก็มีทั้งตัวเจ็บตัวแบนเก่าอยู่เป็นสิบคนแล้ว
โปเช็ตติโน่ ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเกมแล้วว่า คาราบาว คัพ คือเป้าหมายของเขาอย่างหนึ่งในซีซั่นนี้ ที่เมื่อไม่มีบอลยุโรปมาเอี่ยว และพรีเมียร์ลีกยังเกินเอื้อม ถ้วยในประเทศจึงเป็นความเป็นไปได้สูงสุดของ เชลซี
และจากชัยชนะในทั้ง 2 รอบ บวกกับชื่อคู่แข่งที่ได้ในรอบ 4
ก็ควรต้องยอมรับว่า เชลซี มีลุ้นไม่น้อยทีเดียว…แม้จะต้องดูกันไปรอบต่อรอบ ก็ตาม
รอบหน้า เชลซี จะได้เปิดบ้านรับมือทีมจาก อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ อย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปี
หนึ่งคือ เชลซี เหนือกว่า แบล็คเบิร์น อยู่แล้ว ถ้าไม่พลาดกันเอง เน้นหน่อยก็น่าจะไปต่อได้สู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
และสองคือ ทีมแข็งอย่าง แมนฯ ซิตี้, สเปอร์ส, แอสตัน วิลล่า หรือ ไบรท์ตัน หลุดวงโคจรไปแล้ว ส่วน อาร์เซน่อล หรือ ลิเวอร์พูล ไม่เน้นถ้วยนี้ ที่เป็นเวทีสำหรับตัวสำรองและดาวรุ่ง
ก็เหลือแค่ เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และ/หรือ นิวคาสเซิ่ล เท่านั้น ที่ “เอา”
จากการมอง ณ ตรงนี้ จึงพอเห็นว่า เชลซี สามารถยึด คาราบาว คัพ เป็นเป้าหมายได้จริง และมีโอกาสทำสำเร็จด้วย