FOOTBALL FACT: What a game! เกมสเปอร์ส-เชลซี มีการเช็ก VAR มากถึง 9 ครั้ง ยึดไป 5 ประตู

0


ปฏิเสธไม่ได้ว่าในเกมที่สเปอร์สเปิดบ้านพ่ายเชลซี 1-4 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา (7 พฤศจิกายน) เป็นเกมที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการใช้ VAR เข้ามาช่วยตัดสินในช็อตสำคัญๆ และมีการยึดประตูคืนมากถึง 5 ลูกในเกมนี้

 

และนี่คือช็อตที่มีการใช้ VAR เข้ามาช่วยตัดสินในเกมนี้

 

นาทีที่ 14 – VAR จับล้ำหน้าลูกยิงของ ซนฮึงมิน และริบประตูทันที

 

🟡 นาทีที่ 18 – เช็กการฟาวล์ของ เดสตินี อูโดกี ที่มีโอกาสโดนใบแดง แต่สุดท้าย VAR ได้เช็กแล้ว และให้เป็นใบเหลือง

 

นาทีที่ 22 – VAR ปฏิเสธให้ประตูตีเสมอกับเชลซี เนื่องจากจังหวะนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ส่งบอลซุกก้นตาข่ายถูกจับแฮนด์บอลไปก่อนแล้ว

 

นาทีที่ 22 – VAR ย้อนไปเช็กจังหวะก่อนหน้าว่า คริสเตียน โรเมโร เตะขาของ ลีวาย โคลวิลล์ เป็นการฟาวล์ที่รุนแรงหรือไม่ โดย VAR ตัดสินว่าโรเมโรไม่ฟาวล์ และยังคงอยู่ในสนามต่อไป

 

นาทีที่ 28 – VAR ปฏิเสธให้ประตูตีเสมออีกครั้ง แม้ มอยเซส ไกเซโด ยิงประตูจากนอกเขตโทษเข้าไปแล้ว แต่ทีม VAR มองว่าวิถีของบอลนั้นพุ่งไปเฉี่ยวขาของ นิโคลัส แจ็คสัน ที่อยู่ในโซนล้ำหน้า

 

🔴 นาทีที่ 28 – ในจังหวะเดียวกัน คริสเตียน โรเมโร ถูก VAR ตัดสินให้ได้รับใบแดงไล่ออกจากสนาม จากการเข้าสกัดในช็อตอันตรายใส่ข้อเท้า เอนโซ เฟร์นานเดซ ซึ่งนอกจากจะทำให้สเปอร์สเหลือ 10 คนแล้ว ยังทำให้ทีมเสียจุดโทษ และเสียประตูจากการยิงจุดโทษของ โคล พาลเมอร์ ที่พาให้เชลซีตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1

 

นาทีที่ 37 – นิโคลัส แจ็คสัน ยิงบอลเข้าประตูไปแล้ว แต่ VAR จับสเตอร์ลิง ผู้ที่ทำแอสซิสต์อยู่ในไลน์ล้ำหน้าก่อนแล้ว

 

นาทีที่ 75 – VAR ทำการเช็กเพื่อความแน่นอนอีกครั้งในช็อตที่ นิโคลัส แจ็คสัน ยิงประตูให้เชลซีแซงนำ 2-1 ว่าจากการวิ่งทะลุช่องของสเตอร์ลิงล้ำหน้าหรือไม่ ซึ่งผลออกมาคือไม่ล้ำหน้า และให้เชลซีได้ประตูนี้ไป

 

นาทีที่ 79 – เอริค ไดเออร์ ปลุกเสียงเชียร์ให้ดังอีกครั้งในท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม หลังจากยิงบอลผ่านมือ โรเบิร์ต ซานเชซ เข้าประตูไปแล้ว แต่ทว่า VAR ได้ริบประตูดังกล่าวอีกครั้ง เพราะช็อตดังกล่าวไดเออร์อยู่ในไลน์ล้ำหน้า

 

อ้างอิง:





Source link

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *